Infinite Growth FX

วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2560

ความเสี่ยงอย่ามโนเอาเอง

ความเสี่ยงอย่ามโนเอาเอง

การควบคุมความเสี่ยงหรือการบริหารเงินเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องนำมาประกอบกับการบริหารพอร์ตแต่ผมเห็นนักเทรดหลายคนมีทุนในการเทรด 1000$ และใช้ lot การเทรด 0.1 หลายออเดอร์แต่บอกตัวเองว่าใช้ความเสี่ยงต่ำเพียง 1% ผมไม่ทราบว่าเอาตรรก์ไหนมาใช้หรือจะเอาค่าเงินมาร์จิ้นมาคำนวน แต่ลองนึกดูว่ามันก็แค่เงินค้ำประกันมันไม่ใช่เงินที่ได้หรือเสียจริงเงินที่รอจะเสียจริงเต็มๆไม่ใช่เงินมาร์จิ้นแต่มันคือ equity ของคุณฉะนั้นก็อย่ามโนเอาเองครับว่าเสี่ยงแค่ 1% ด้วยการเทรด lot ที่ 0.1 แล้วการคำนวนมันจะคิดอย่างไร



ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เทรดอนุพันธ์คุณจะทราบอยู่แล้วว่าการคำนวนกำไรขาดทุนมันต้องมีตัวแปลอีกอย่างคือจำนวนจุดอนุพันธ์จะต่างจากหุ้นสามัญในเรื่องการคำนวนเพราะมันมี leverage เข้ามาด้วยฉะนั้นจะคำนวนจากเงินที่หรือ lot ที่เทรดไม่ได้ต้องคำนวนระยะการเปลี่ยนแปลงไปด้วย

หากคุณมีทุน 1000$ เทรดด้วย 0.1lot และ SL จำนวน 500จุด(50pips)คุณจะเสีย 50$  เท่ากับว่าคุณจะใช้ความเสี่ยงในออเดอร์นี้ 5% และผมเห็นหลายคนเทรดหลายออเดอร์มากบางคนเทรด 5 ออเดอร์ถ้าเขาวาง sl ไว้ 500จุดทั้งหมดเท่ากับว่าเขากำลังเสี่ยงที่ 25% มันไม่ใช่ 1% แบบที่โฆษณากันหรอกครับ

"หลักการพื้นฐานสามารถคำนวนหาความเสี่ยงได้อย่ามโนเอาเอง"


วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2560

ปัจจัยในการเคลื่อนไหว

ปัจจัยในการเคลื่อนไหว


มันเป็นอะไรที่ซับซ้อนครับจะอธิบายด้วยการพิมมันจะเข้าใจยากนิดนึงแต่ผมจะยกตัวอย่างง่ายๆคับเช่นมีคนทั้งหมดนับเป็น 100% เทรดด้วยเทคนิคต่างกัน 4 เทคนิคดังนี้

1.รับต้าน 25%
2.แนวโน้ม25%
3.แท่งเทียน 25%
4.อื่นๆ 25%

1.เมื่อ ณ จุดราคาหนึ่งราคาลงมาจุดแนวรับจะมีคนจำนวน 25% เข้ารับโดยไม่รอสัญญาณอื่นๆทำให้ราคาจะเกิดเด้งขึ้นมาบ้างเพราะมีคนจำนวน25% เข้าซื้อแต่ยังไม่อาจที่จะพลิกตลาดได้ตามแนวโน้มถ้าเราสักเหตุเราจะเห็นว่าราคาจะมีการเด้งรับบ้างเกือบทุกครั้งที่ราคาทดสอบรับต้าน

2.ที่ราคาเดียวกันในเวลาต่อมาเกิดสัญญาณแท่งเทียนเกิดขึ้นเพราะมีการเข้ารับของคนในกลุ่มแรก(ซึ่งผ่านหรือไม่ก็ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่างนะครับแต่นี่ผมแค่ยกตัวอย่างเท่านั้นก็จะมีคนเข้าซื้ออีก)ทำให้ราคาสะท้อนออกมาในรูปของแท่งเทียนทำให้คนอีก 25% เข้าซื้อด้วยสัญญาณแท่งเทียนทำให้มีคนเข้าซื้อจำนวน 50% ซึ่ง ณ จุดนี้จะมียื้อกันระหว่างคนสองกลุ่มทำให้เกิด sideway ซึ่งยิ่งเวลาผ่านไปนานก็จะเห็นเป็นแนวรับสำคัญมากขึ้น

3.และจากการที่คนกลุ่มที่ 1 และ 2 เข้าซื้อในบริเวณดังกล่าวแล้วอาจทำให้คนอีกกลุ่มเริ่มพิจารณาหาจุดเข้า follow ด้วยการมองแนวโน้มนั้นซึ่งมีเทคนิคหลายอย่างที่ใช้มองกัน(ซึ่งจะเป็นการย่อยลงไปอีกมากผมจะขอข้ามไปแล้วกันครับเพราะโพสนี้ผมแค่จะยกตัวอย่างภาพให้เห็นคราวๆเท่านั้น)ซึ่งในจุดนี้อาจมีคนอีก 25% เข้าซื้อตามแนวโน้มแต่เหตุผลการเข้าซื้อจะเป็นด้วยเหตุที่ลงมาทดสอบแนวโน้มจากเทรนไลน์หรือเป็นการย่อตัวลงมาเข้า zone พักตัวตามเงื่อนไขของอีเลียตเวฟ ทำให้การเด้งขึ้นมาได้แรงมากขึ้นหรืออาจวิ่งไปตามแนวโน้มทำไฮต่อเลยก็เป็นได้

4.จากใน 3 ส่วนแรกก็อาจจะเป็นตัวนำพาตลาดไปได้แล้วแต่ส่วนนี้อาจจะเป็นตัวช่วยเสริมตามเทคนิคใดๆก็ตามอาจจะเข้ามาตอนที่ราคาทดสอบรับนานทำให้อาจเกิดกรอบราคาและอาจมีการ Oversold ในบางจังหวะของ Sto หรือ Oversold ด้วยการหลุดกรอบของ BB

แล้วทำไมจึงบอกว่าเป็นคนกลุ่มน้อยที่ได้เงินมันฟังดูขัดแยกกับที่ผมบอกนั่นก็เพราะทุกคนไม่ได้มีเงินเท่ากันและมีเงินส่วนใหญ่ในตลาดมันก็อยู่กับคนกลุ่มน้อยนี่หละครับราคามันไม่ได้นับที่จำนวนคนแต่มันอยู่ที่จำนวนเงิน

เมื่อบอกแบบนั้นว่ามีคนส่วนน้อยที่ได้แล้วทฎษฏีที่ผมอ้างถึงจะใช้ได้เหรอ
มันใช้ได้แน่ครับเพราะในคนส่วนน้อยเขาไม่ได้มีคนเดียวกลุ่มคนใหญ่ที่เทรดก็พวกกองทุนหรือแบงค์แน่นอนเขาต่างก็ใช้เทคนิคที่ต่างๆกันไปในการตัดสินใจซึ่งคนกลุ่มนี้เขาก็จะมาเทรดสู้กันในจำนวน volume ที่ใหญ่แต่รายย่อยอย่างเราก็ต้องมองว่่าคนที่เล่นฝ่ายไหนจะชนะและอีกปัจจัยหนึ่งที่รายย่อยมักจะเจ็บตัวหรือเอาง่ายๆเรียกว่าซวยโดนหางเลขไปด้วยคือการที่มีมาร์จิ้นน้อยเพราะคนกลุ่มนี้เขามีเม็ดเงินใหญ่พอที่จะรับการแกว่งเป็นพันๆจุดหรือหมื่นได้ซึ่งมันเป็นสงครามการต่อสู้ทางการเงินของคนกลุ่มนี้ซึ่งจริงๆการจะอยู่รอได้มันไม่จำเป็นต้องมีเงินใหญ่แบบเขาก็ได้แค่เราจัดสรรเงินของเราให้เหมาะกับตลาดก็พอต้องหัดมองกำไรขาดทุนให้เป็น % อย่ามองที่จำนวนเงิน

หยุดตกเป็นเหยือกันสักที

หยุดตกเป็นเหยือกันสักที

หากใครที่อยู่ในตลาดมาระยะเวลาหนึ่งจะเข้าใจระบบการบริหารและธุรกิจของโบรค Forex กันมาบ้างว่ามีทั้งดีและไม่ดีสำหรับโบรคที่ทำแบบถูกต้องเราคงไม่พูดถึงเพราะไม่ทำให้ใครเดือดร้อนแต่ผมจะขอพูดถึงโบรคใหม่ๆสักหน่อยที่หวังจะเติบโตแบบก้าวกระโดดด้วยความไม่โปร่งใส่ใดๆก็ตามและมีหลายเจ้าได้ล้มหายตายจากกันไปก็เยอะและมีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่ตกเป็นเหยือแต่ผมจะไม่พูดถึงวิธีการอะไรมากแต่เหนอยู่อย่างหนึ่งที่ยกมาแอบอ้างกันมากเหลือเกินคือเรื่องของการรับรางวัล "ห่าเหวนู่นนี่นั่น"

บางโบรคเพิ่งเปิดไม่ถึงปีแต่รางวัลมันเป็นสิบบางครั้งมันมีได้รางวัลย้อนหลังกันด้วยคือบริษัทมันยังไม่เปิดเลยแต่มันได้รางวัล 555+ โอ้วโบรคมันเก่งจิงๆ

ต้่องขออภัยผู้อ่านในภาษาที่อ่านแล้วไม่สุภาพแต่เห็นมันรับไม่ได้จริงๆครับคนทำธุรกิจต้องทำกันด้วยความจริงใจแม้แต่รางวัลยังต้องเอามาแอบอ้างแล้วความปลอดภัยของเงินลูกค้าจะอยู่ตรงไหน

"ทำธุรกิจต้องวัดกันที่ผลงานไม่ใช่มาหลอกขายฝันกันไปวันๆ"

ผมขอยกตัวอย่างเวบหนึ่งที่พอจะตรวจสอบรางวัลจริงๆที่เราจะสามารถตรวจสอบรางวัลของแต่ละบริษัทเอาไว้จริงๆแล้วถ้าให้ง่ายเราเอาชื่อของรางวัลที่โบรคนั้นๆอ้างถึงพร้อมปีที่เราจะตรวจสอบไปค้นหาใน google ได้เลยครับอย่าทำแค่หลับหูหลับตาเชื่อไป

ปี FXprimus ได้รางวัลมาด้วยนะครับอิอิจริงๆก็มีติดชื่อมาทุกปีหละ 5555++ ไปตรวจสอบกันเองดีกว่าครับตาจะได้สว่างกันขึ้นมาอีกนิด

https://www.globalbankingandfinance.com/global-banking-finance-review-awards-2013/