ก่อนอื่นผมขอแบ่งประเภทของนักลงทุนออกมาให้เหนก่อนนะครับ
กลุ่มแรกคือกลุ่มของนักลงทุนรายใหญ่ เช่นกลุ่มแบงค์ หรือส่วนของภาครัฐซึ่งในกลุ่มนี้จะอาศัยปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก(ผมขอไม่อธิบายแล้วกันครับเดียวจะยืดยาวเกินไปแต่หากอยากทราบก็ลองไล่อ่านในเพจผมนะครับ) และหาจังหวะเข้าจากกราฟราคาซึ่งกลุ่มนักลงทุนส่วนนี้จะมีผลมากในการเปลี่ยนแปลงของราคา
กลุ่มที่สองคือกลุ่มของผู้ที่ใช้สัญญาณเทคนิคเพียงอย่างเดียวซึ่งเทคนิคต่างๆก็ได้แตกแขนงออกมาหลากหลายเทคนิคซึ่งส่วนตัวผมเองก็อยู่ในกลุ่มนี้ซึี่งกลุ่มดังกล่าวจะมีแมงเม่าอยู่ค่อนข้างมากด้วย เนื่องด้วยส่วนใหญ่เข้ามาในตลาดเพราะเห็นราคาที่ล่อตาล่อใจจนทำให้เกิดความโลภและเข้ามาหวังกอบโกยไปโดยง่ายๆ แต่ส่วนใหญ่ก็อย่างที่บอกว่ามีแนวคิดที่ผิดๆในการลงทุนเพราะอะไรนะเหรอเพราะอย่างที่บอกว่าแต่ละคนเข้ามาด้วยความโลภเมื่อคุณมีความโลภเข้ามาแบบเต็มๆแล้วพฤติกรรมการเทรดของคุณก็จะเทรดออกมาแบบโลภคือการ Over trade ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายเป็นอย่างมาก เมื่อคุณเทรดแบบนี้แล้วแน่นอนว่าความเสี่ยงก็มากเป็นเงาตามตัว มันก็เปลี่ยนได้เหมือนว่าคุณก้าวไปอยู่ในฟากของนักพนันมากกว่าการลงทุนจึงเป็นเรื่องจำเป็นมากที่คุณจะต้องมีระบบบริการจัดการเงินที่ดีด้วยเช่นกัน
กลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มที่ใช้การวิเคราะห์ทั้งข่าวและกราฟเทคนิคหรือลูกผสมระหว่างกลุ่มแรกและกลุ่มสองแต่กลุ่มนี้ยังเป็นเพียงรายย่อยหรือแมงเม่าอยู่มากพอสมควรเช่นกัน
สำหรับในกลุ่มที่สองหากมองดูแล้วจะแตกต่างกันอย่างชัดเจนแต่สิ่งคล้ายคลึงกันคือกลุ่มที่สามกับกลุ่มที่หนึ่งยังมีสิ่งหนึ่งที่เป็นความเข้าใจผิดๆและเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอันตรายสำหรับคนกลุ่มนี้สิ่งหนึ่งคือเรื่องการวิเคราะห์ด้วยข่าวการวิเคราะห์ของกลุ่มที่ 1 เป็นการใช้ข่าวร่วมกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆด้วยซึ่งเป็นเรื่องของระบบเศรษฐกิจอย่างชัดเจน แต่ในกลุ่มที่สามเป็นกลุ่มที่พยายามจะเหมือนกลุ่มที่หนึ่งคือการเอาข่าวมาร่วมในการวิเคราะห์แต่สิ่งที่น่ากลัวคือหลักคิดที่กลุ่มที่สามคิดหลายคนในกลุ่มนี้มีความเชื่อในข่าวจนงมงายผมอยากจะบอกไว้อย่างหนึ่งว่าตัวข่าวเองเพียงข่าวเดียวมันไม่ได้มีผลต่อกราฟทำไมผมจึงบอกไม่มีผลต่อกราฟฟังแล้วอาจจะดูขัดหู ก็นี่หละครับที่ผมจะบอกถึงตัวแปรมันก็คือข่าว
ข่าวไม่ได้มีผลต่อกราฟแต่กราฟเป็นตัวแปรหนึ่งที่จะมีผลต่อสภาวะจิตใจของนักลงทุนให้ตัดสินใจซื้อขาย แต่อย่างไรก็ตามหากข่าวที่ออกมาดีเพียงใดแต่นักลงทุนไม่เห็นด้วยแล้วละก็มันก็ไม่เกิดอะไรขึ้นดังนั้นการเล่นข่าวเป็นตัวๆโดยไม่อิงกับพื้นฐานแล้วก็อันตรายเพื่อนต้องระวังไว้ด้วย การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของกลุ่มที่หนึ่งเป็นการเทรดเพื่อลดความเสี่ยงของมูลค่าของราคาที่เปลี่ยนแปลงแน่นอนว่าไม่ใช่ซื้อขายในระยะหนึ่งหรือสองชั่วโมงหรือวันสองวันแต่การเทรดระบบเศรษฐกิจมูลค่าที่ใช้ระบบจิงมันเป็นระยะยาวเดียวผมจะแยกให้เหนว่าประเภทที่หนึ่งต่างจากกลุ่มอื่นอย่างไร
ยกตัวอย่างราคา ณ ปัจจุบันคือ 1.28996 EUR/USD
คุณลองคิดในความเป็นจิงก่อนว่าหากคุณมีเงิน 1 EUR เดินเข้าไปในธนาคารคุณจะแลกได้ที่ 1.28 USD ซึ่งในส่วนของ 996 คุณจะไม่ได้ เพราะตัวเลขสามตัวท้ายเป็นตัวเลขแค่บนกระดานที่สร้างมาเพื่อการเกรงกำไรของนักเกร็งกำไรโดยตรงดังนั้นคุณลองคำนวนกันดูเอาว่าในกลุ่มที่ 1 ที่เป็นเม็ดเงินหลักที่มีผลต่อเศรษฐกิจซึ่งจะมีผลในระยะยาวเค้าไม่ได้มานั่งเฝ้าข่าวหรือซื้อขายกับข่าวทุกตัว การเล่นข่าวแบบข่าวต่อข่าวเป็นเพียงการเล่นกับอุปสงค์และอุปทานที่เป็นแรงกระพรือของเม่าเท่านั้น
ยกตัวอย่างว่าผู้นำของสหรัฐออกมาประกาศว่าอีก 10 นาทีจะมีการระเบิดเกิดขึ้นใจกลางเมื่อที่เกิดจากการก่อการร้ายคุณลองคิดดูซิว่าจะเกิดอะไรขึ้นแน่นอนว่ากราฟ EUR/USD ได้บินแน่ซึุ่งนักเล่นข่าวก็คิดแบบคุณก็แย่งกันขึนไปซื้อแต่เมื่อ 10 นาทีต่อมาไม่มีการระเบิดเกิดขึ้นตามที่ได้ประกาศจะเกิดอะไรขึ้น แน่นอนว่ากราฟที่มันเคยบินไปมันจะร่วงกลับลงมาที่เดิม ซึ่งกราฟจะกระชากขึ้นลงในเวลาเพียง 10 นาทีนี่เป็นเพียงตัวอย่างง่ายๆนะครับมันเป็นเรื่องที่อธิบายยากในภาษาเขียนหากไม่เข้าใจก็เข้ามาถามแล้วกันนะครับ ยังมีเรื่องอีกมากที่นักลงทุนหลายคนยังไม่เข้าใจพฤติกรรมของมันยังไงต้องศึกษาให้ดีก่อนนะครับซึ่งหลักคิดนี้ในตลาดหุ้นบ้านเรามันก็ไม่ต่างกัน แต่หากคุณสามารถจับกระแสเงินของกลุ่มที่ 1 ได้คุณก็เล่นไปตามเค้าได้เพราะหากคุณไปฝืนตลาดก็มีแต่เจ็บนอกเสียจากว่าคุณจะมีเม็ดเงินมากกว่าเค้า
ยกตัวอย่างจากกราฟเมื่อวานผมไม่ทราบว่ามีข่าวอะไรมาหรือไม่ผมก็ไม่ทราบเพราะผมเองไม่ไดู้ดูข่าวเลย แต่สิ่งที่เหนเมื่อวานคือนักลงทุนรายใหญ่ไม่เห็นด้วยกับข่าวๆนั้นแน่นอนราคาก็ร่วงลงมาอีกลองดูจากแท่งเมื่อวานนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น