Infinite Growth FX

วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กลยุทธ์การทำกำไร



ข้อ 1. เรื่องของความเสี่ยง
“ความวิตกกังวลไม่ใช่ความเจ็บป่วย หากแต่เป็นสัญลักษณ์ของความสุขสมบูรณ์ ถ้าหากว่าคุณยังไม่มีความวิตกกังวลแล้ว แสดงว่าคุณยังไม่ได้เผชิญกับความเสี่ยงที่มากพอ”
1.1 จงเล่นเพื่อผลลัพธ์ที่มีคุณค่าพอเท่านั้น
1.2 จงหลีกเลี่ยงการกระจายความเสี่ยง
 การกระจายความเสี่ยงมีข้อเสียใหญ่ๆ ด้วยกันสามประการคือ
การกระจายความเสี่ยงขัดกับหลักรองข้อ1  ซี่งกล่าวว่าคุณควรเล่นเพื่อผลลัพธ์ที่มีคุณค่าพอเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เองถ้าหากคุณตั้งต้นด้วยเงินทุนที่น้อยแล้ว การกระจายความเสี่ยงก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงกว่าเดิมอีก
การกระจายความเสี่ยงทำให้ผลกำไรและขาดทุนของหลักทรัพย์แต่ละตัวลบล้างกันไป ผลก็คือคุณจบลงที่จุดตั้งต้น
การกระจายความเสี่ยงทำให้คุณกลายเป็นนักเล่นกลที่พยายามโยนลูกบอลขึ้นไปในอากาศมากลูกเกินไปในเวลาเดียวกัน หากคุณมีลูกบอลถึงหนี่งโหลลอยอยู่ในอากาศพร้อมกัน โดยที่ครึ่งหนึ่งทำท่าว่าจะวิ่งเฉไปทางอื่นแล้ว โอกาสที่คุณจะแก้ไขสถานการณ์คงเป็นไปได้ยาก และอาจพลอยทำให้บอลที่เหลือตกพื้นไปหมดด้วย

ข้อ 2.  เรื่องของความโลภ
 “จงฉวยกำไรโดยเร็วที่สุด ทำไมถึงต้อง “เร็วที่สุด” ด้วย? เพราะคุณควรจะหยุดเล่นและเก็บเงินเข้ากระเป๋าก่อนที่โชคของคุณจะหมดไปซิ จงอย่าพยายามเล่นจนเฮือกสุดท้าย เพราะโอกาสที่คุณจะเป็นผู้ชนะจนถึงจุดนั้นคงเป็นไปได้น้อยมาก จงอย่ากังวลว่าโชคของคุณจะยังคงดีติดต่อกันอีกนานหรือไม่ เพราะคุณไม่มีโอกาสที่จะทราบว่าโชคครั้งสุดท้ายของคุณในวันนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไร ขอให้เอากำไรใส่กระเป๋าและเลิกเล่นจะดีกว่า”
2.1 จงตัดสินใจก่อนว่าคุณต้องการทำกำไร และจงเลิกเล่นทันทีที่คุณทำได้ตามเป้านั้น
 ในโลกแห่งการพนันหรือการเสี่ยงโชคนั้น คุณไม่สามารถมองหาจุดหมายปลายทางได้ คุณจะต้องเป็นผู้กำหนดจุดหมายปลายทางของคุณเองเท่านั้น จริงอยู่มันเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับคนส่วนใหญ่ และหลายคนได้มองข้ามจุดนี้ไปโดยสิ้นเชิง แต่คุณจำเป็นต้องฝึกหัดตนเองเอาไว้ เพราะมันคือเครื่องมือที่จำเป็นอย่างหนึ่งในการเก็งกำไรของคุณ ขอให้คุณปลูกฝังนิสัยนี้เอาไว้ และทันทีที่คุณบรรลุถึงเป้าหมาย ขอให้คุณเลิกเล่นทันที เว้นเสียแต่ว่าคุณจะมีเหตุผลที่จำเป็นจริงๆ ซึ่งต้องเป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝันบางอย่างเกิดขึ้นและทำให้คุณมั่นใจว่าคุณจะยังคงเป็นผู้ชนะไปอีกระยะ จึงจะยังไม่เลิกเล่น


ข้อ 3.  เรื่องของความหวัง
“ถ้าเรือกำลังจะล่ม อย่ามัวแต่สวดภาวนา ให้กระโดดลงน้ำทันที”
การรู้จักหลบเลี่ยงจากเหตุการณ์ที่เลวร้าย ถือเป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่ง เพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะฝีกสอนกันได้ มันเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอ มันเป็นเรื่องที่ทำให้คนๆหนึ่งแตกต่างจากคนที่เหลือ บางคนถึงกับกล่าวว่าการรู้จักทางหนีทีไล่เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดของนักเก็งกำไร หรือนักการพนัน
การที่นักเก็งกำไรไม่รู้จักกระโดดออกจากเรือที่กำลังจะจมโดยเร็วเป็นเหตุผลใหญ่ที่ทำให้พวกเขาเสียเงินมากกว่าเหตุผลอื่นและเป็นเหตุผลที่ได้ทำให้นักเก็งกำไรน้ำตาตกกันมามากต่อมากแล้ว ขอให้สังเกตคำพูดให้ดีว่า “เรือกำลังจะจม” จงอย่ารีรอเรือจมไปแล้วครึ่งลำจึงค่อยกระโดดหนี
การตัดสินใจที่จะกระโดดออกจากเรือนั้นจะมีอุปสรรคอยู่ด้วยกัน 3 ประการ

อุปสรรคข้อแรก คือ ความกลัวว่าจะผิดหวัง กลัวว่าหุ้นที่คุณขายทิ้งจะมีราคาสูงขึ้นอีก และทำให้คุณพลาดโอกาสทองไป
อุปสรรคข้อสอง คือ คุณจะขาดทุนทุกครั้งที่คุณใช้หลักใหญ่ข้อ 3 หลายคนจะรู้สึกเจ็บใจต่อการขาดทุน แต่อย่างไรก็ตามคุณจะเจ็บใจน้อยลงเมื่อถึงเวลาปฏิบัติจริง
อุปสรรคข้อสาม คือ มนุษย์เรามักปากแข็งและไม่ยอมรับว่าตนเองทำผิด เพราะฉะนั้นคุณจะต้องยอมรับให้ได้เสียก่อนว่าคุณได้ทำผิดหรือคาดการณ์ผิดไปแล้ว ในกรณีที่คุณพลาดจริงๆ
3.1 จงถือว่าการสูญเสียเล็กๆน้อยๆ เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตและจงเตรียมพร้อมกับการสูญเสียเล็กน้อยหลายๆครั้ง ก่อนที่จะทำกำไรได้อย่างมหาศาลในวันข้างหน้า
 โดยความเป็นจริงแล้ว คุณควรจะยินดีกับการสูญเสียเล็กๆน้อยๆบ้าง เพราะมันจะช่วยป้องกันมิให้คุณสูญเสียเงินก้อนใหญ่ในภายหลัง จงฝึกนิสัยการรู้จักสูญเสียเล็กๆน้อยๆเอาไว้ ถ้าหากลงทุนในหลักทรัพย์ชนิดหนึ่งไม่สัมฤทธิ์ผลแล้ว ก็ขอให้ลองกับหลักทรัพย์ชนิดใหม่ จงอย่าได้นั่งอยู่เฉยๆในเรือที่กำลังจะจมน้ำเพราะคุณจะพาลจมน้ำไปพร้อมกับเรือด้วย ใครก็ตามที่ไม่เข้าใจหลักนี้ย่อมเป็นนักเสี่ยงโชคที่ดีไม่ได้

ข้อ 4.  เรื่องของการพยากรณ์
“คุณไม่สามารถทำนายพฤติกรรมของมนุษย์ได้ ดังนั้นจงอย่าหลงเชื่อใครก็ตามที่อ้างว่ามองเห็นอนาคต”
เพราะไม่มีใครที่สามารถทำนายอนาคตได้ ไม่ว่าอนาคตนั้นจะใกล้เพียงหนึ่งวันหรือไกลเป็นปีสองปีก็ตาม ดังนั้นถ้าหากคุณต้องการจะประสบความสำเร็จในการลงทุนแล้ว ขอให้คุณเลิกฟังคำทำนายทั้งหมด และที่สำคัญที่สุด คือ อย่าขอคำแนะนำจากนักเศรษฐศาสตร์ นักวิเคราะห์ตลาด หรือนักการเมืองหน้าใดทั้งนั้น เพราะตลาดหุ้นคือที่รวมความรู้สึกของมนุษย์จำนวนมาก ราคาของหุ้นจะขึ้นหรือลงก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่มนุษย์คิด ทำและรู้สึก ราคาหุ้นของบริษัทหนึ่งๆไม่ได้ขยับสูงขึ้นเนื่องจากตัวเลขในงบการเงินเปลี่ยน หากแต่เกิดจากการที่มนุษย์คิดว่าอนาคตของบริษัทจะดีขึ้นต่างหาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น