Infinite Growth FX

วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2560

ความเสี่ยงอย่ามโนเอาเอง

ความเสี่ยงอย่ามโนเอาเอง

การควบคุมความเสี่ยงหรือการบริหารเงินเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องนำมาประกอบกับการบริหารพอร์ตแต่ผมเห็นนักเทรดหลายคนมีทุนในการเทรด 1000$ และใช้ lot การเทรด 0.1 หลายออเดอร์แต่บอกตัวเองว่าใช้ความเสี่ยงต่ำเพียง 1% ผมไม่ทราบว่าเอาตรรก์ไหนมาใช้หรือจะเอาค่าเงินมาร์จิ้นมาคำนวน แต่ลองนึกดูว่ามันก็แค่เงินค้ำประกันมันไม่ใช่เงินที่ได้หรือเสียจริงเงินที่รอจะเสียจริงเต็มๆไม่ใช่เงินมาร์จิ้นแต่มันคือ equity ของคุณฉะนั้นก็อย่ามโนเอาเองครับว่าเสี่ยงแค่ 1% ด้วยการเทรด lot ที่ 0.1 แล้วการคำนวนมันจะคิดอย่างไร



ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เทรดอนุพันธ์คุณจะทราบอยู่แล้วว่าการคำนวนกำไรขาดทุนมันต้องมีตัวแปลอีกอย่างคือจำนวนจุดอนุพันธ์จะต่างจากหุ้นสามัญในเรื่องการคำนวนเพราะมันมี leverage เข้ามาด้วยฉะนั้นจะคำนวนจากเงินที่หรือ lot ที่เทรดไม่ได้ต้องคำนวนระยะการเปลี่ยนแปลงไปด้วย

หากคุณมีทุน 1000$ เทรดด้วย 0.1lot และ SL จำนวน 500จุด(50pips)คุณจะเสีย 50$  เท่ากับว่าคุณจะใช้ความเสี่ยงในออเดอร์นี้ 5% และผมเห็นหลายคนเทรดหลายออเดอร์มากบางคนเทรด 5 ออเดอร์ถ้าเขาวาง sl ไว้ 500จุดทั้งหมดเท่ากับว่าเขากำลังเสี่ยงที่ 25% มันไม่ใช่ 1% แบบที่โฆษณากันหรอกครับ

"หลักการพื้นฐานสามารถคำนวนหาความเสี่ยงได้อย่ามโนเอาเอง"


วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2560

ปัจจัยในการเคลื่อนไหว

ปัจจัยในการเคลื่อนไหว


มันเป็นอะไรที่ซับซ้อนครับจะอธิบายด้วยการพิมมันจะเข้าใจยากนิดนึงแต่ผมจะยกตัวอย่างง่ายๆคับเช่นมีคนทั้งหมดนับเป็น 100% เทรดด้วยเทคนิคต่างกัน 4 เทคนิคดังนี้

1.รับต้าน 25%
2.แนวโน้ม25%
3.แท่งเทียน 25%
4.อื่นๆ 25%

1.เมื่อ ณ จุดราคาหนึ่งราคาลงมาจุดแนวรับจะมีคนจำนวน 25% เข้ารับโดยไม่รอสัญญาณอื่นๆทำให้ราคาจะเกิดเด้งขึ้นมาบ้างเพราะมีคนจำนวน25% เข้าซื้อแต่ยังไม่อาจที่จะพลิกตลาดได้ตามแนวโน้มถ้าเราสักเหตุเราจะเห็นว่าราคาจะมีการเด้งรับบ้างเกือบทุกครั้งที่ราคาทดสอบรับต้าน

2.ที่ราคาเดียวกันในเวลาต่อมาเกิดสัญญาณแท่งเทียนเกิดขึ้นเพราะมีการเข้ารับของคนในกลุ่มแรก(ซึ่งผ่านหรือไม่ก็ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่างนะครับแต่นี่ผมแค่ยกตัวอย่างเท่านั้นก็จะมีคนเข้าซื้ออีก)ทำให้ราคาสะท้อนออกมาในรูปของแท่งเทียนทำให้คนอีก 25% เข้าซื้อด้วยสัญญาณแท่งเทียนทำให้มีคนเข้าซื้อจำนวน 50% ซึ่ง ณ จุดนี้จะมียื้อกันระหว่างคนสองกลุ่มทำให้เกิด sideway ซึ่งยิ่งเวลาผ่านไปนานก็จะเห็นเป็นแนวรับสำคัญมากขึ้น

3.และจากการที่คนกลุ่มที่ 1 และ 2 เข้าซื้อในบริเวณดังกล่าวแล้วอาจทำให้คนอีกกลุ่มเริ่มพิจารณาหาจุดเข้า follow ด้วยการมองแนวโน้มนั้นซึ่งมีเทคนิคหลายอย่างที่ใช้มองกัน(ซึ่งจะเป็นการย่อยลงไปอีกมากผมจะขอข้ามไปแล้วกันครับเพราะโพสนี้ผมแค่จะยกตัวอย่างภาพให้เห็นคราวๆเท่านั้น)ซึ่งในจุดนี้อาจมีคนอีก 25% เข้าซื้อตามแนวโน้มแต่เหตุผลการเข้าซื้อจะเป็นด้วยเหตุที่ลงมาทดสอบแนวโน้มจากเทรนไลน์หรือเป็นการย่อตัวลงมาเข้า zone พักตัวตามเงื่อนไขของอีเลียตเวฟ ทำให้การเด้งขึ้นมาได้แรงมากขึ้นหรืออาจวิ่งไปตามแนวโน้มทำไฮต่อเลยก็เป็นได้

4.จากใน 3 ส่วนแรกก็อาจจะเป็นตัวนำพาตลาดไปได้แล้วแต่ส่วนนี้อาจจะเป็นตัวช่วยเสริมตามเทคนิคใดๆก็ตามอาจจะเข้ามาตอนที่ราคาทดสอบรับนานทำให้อาจเกิดกรอบราคาและอาจมีการ Oversold ในบางจังหวะของ Sto หรือ Oversold ด้วยการหลุดกรอบของ BB

แล้วทำไมจึงบอกว่าเป็นคนกลุ่มน้อยที่ได้เงินมันฟังดูขัดแยกกับที่ผมบอกนั่นก็เพราะทุกคนไม่ได้มีเงินเท่ากันและมีเงินส่วนใหญ่ในตลาดมันก็อยู่กับคนกลุ่มน้อยนี่หละครับราคามันไม่ได้นับที่จำนวนคนแต่มันอยู่ที่จำนวนเงิน

เมื่อบอกแบบนั้นว่ามีคนส่วนน้อยที่ได้แล้วทฎษฏีที่ผมอ้างถึงจะใช้ได้เหรอ
มันใช้ได้แน่ครับเพราะในคนส่วนน้อยเขาไม่ได้มีคนเดียวกลุ่มคนใหญ่ที่เทรดก็พวกกองทุนหรือแบงค์แน่นอนเขาต่างก็ใช้เทคนิคที่ต่างๆกันไปในการตัดสินใจซึ่งคนกลุ่มนี้เขาก็จะมาเทรดสู้กันในจำนวน volume ที่ใหญ่แต่รายย่อยอย่างเราก็ต้องมองว่่าคนที่เล่นฝ่ายไหนจะชนะและอีกปัจจัยหนึ่งที่รายย่อยมักจะเจ็บตัวหรือเอาง่ายๆเรียกว่าซวยโดนหางเลขไปด้วยคือการที่มีมาร์จิ้นน้อยเพราะคนกลุ่มนี้เขามีเม็ดเงินใหญ่พอที่จะรับการแกว่งเป็นพันๆจุดหรือหมื่นได้ซึ่งมันเป็นสงครามการต่อสู้ทางการเงินของคนกลุ่มนี้ซึ่งจริงๆการจะอยู่รอได้มันไม่จำเป็นต้องมีเงินใหญ่แบบเขาก็ได้แค่เราจัดสรรเงินของเราให้เหมาะกับตลาดก็พอต้องหัดมองกำไรขาดทุนให้เป็น % อย่ามองที่จำนวนเงิน

หยุดตกเป็นเหยือกันสักที

หยุดตกเป็นเหยือกันสักที

หากใครที่อยู่ในตลาดมาระยะเวลาหนึ่งจะเข้าใจระบบการบริหารและธุรกิจของโบรค Forex กันมาบ้างว่ามีทั้งดีและไม่ดีสำหรับโบรคที่ทำแบบถูกต้องเราคงไม่พูดถึงเพราะไม่ทำให้ใครเดือดร้อนแต่ผมจะขอพูดถึงโบรคใหม่ๆสักหน่อยที่หวังจะเติบโตแบบก้าวกระโดดด้วยความไม่โปร่งใส่ใดๆก็ตามและมีหลายเจ้าได้ล้มหายตายจากกันไปก็เยอะและมีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่ตกเป็นเหยือแต่ผมจะไม่พูดถึงวิธีการอะไรมากแต่เหนอยู่อย่างหนึ่งที่ยกมาแอบอ้างกันมากเหลือเกินคือเรื่องของการรับรางวัล "ห่าเหวนู่นนี่นั่น"

บางโบรคเพิ่งเปิดไม่ถึงปีแต่รางวัลมันเป็นสิบบางครั้งมันมีได้รางวัลย้อนหลังกันด้วยคือบริษัทมันยังไม่เปิดเลยแต่มันได้รางวัล 555+ โอ้วโบรคมันเก่งจิงๆ

ต้่องขออภัยผู้อ่านในภาษาที่อ่านแล้วไม่สุภาพแต่เห็นมันรับไม่ได้จริงๆครับคนทำธุรกิจต้องทำกันด้วยความจริงใจแม้แต่รางวัลยังต้องเอามาแอบอ้างแล้วความปลอดภัยของเงินลูกค้าจะอยู่ตรงไหน

"ทำธุรกิจต้องวัดกันที่ผลงานไม่ใช่มาหลอกขายฝันกันไปวันๆ"

ผมขอยกตัวอย่างเวบหนึ่งที่พอจะตรวจสอบรางวัลจริงๆที่เราจะสามารถตรวจสอบรางวัลของแต่ละบริษัทเอาไว้จริงๆแล้วถ้าให้ง่ายเราเอาชื่อของรางวัลที่โบรคนั้นๆอ้างถึงพร้อมปีที่เราจะตรวจสอบไปค้นหาใน google ได้เลยครับอย่าทำแค่หลับหูหลับตาเชื่อไป

ปี FXprimus ได้รางวัลมาด้วยนะครับอิอิจริงๆก็มีติดชื่อมาทุกปีหละ 5555++ ไปตรวจสอบกันเองดีกว่าครับตาจะได้สว่างกันขึ้นมาอีกนิด

https://www.globalbankingandfinance.com/global-banking-finance-review-awards-2013/

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2559

อยากสำเร็จต้องประกาศเป้าหมายให้โลกรู้

อยากสำเร็จต้องประกาศเป้าหมายให้โลกรู้

แน่นอนว่าคงได้ยินคำนนี้กันคำอยากจะอ้วกออกมาแล้วใช่ไหมกับคำว่า"ประสบความสำเร็จ" และก็ฟังมาไม่รู้เท่าไหรต่อเท่าไหรกับการสาธยายต่างๆนาๆแต่ชีวิต"กู"ก็เหมือนเดิมซึ่งผมคงไม่ต้องอธิบายต่อแล้วกับคำๆนี้แต่ผมขอยกกระบวนการหนึ่งที่จะประสบความสำเร็จเร็จมาวิเคราะห์กันแบบเป็นเหตุเป็นผลสักหน่อย

กระบวนการหนึ่งของการประสบความสำเร็จที่เราคงได้ยินกันบ่อยๆสำหรับใครที่ได้ฟังนักสร้างแรงบัลดารใจหลายท่านพูดเรื่องของการประกาศเป้าหมายให้โลกรู้...เอ่อ...คือต้องระดับโลกเลยเหรอ(กูต้องลงหนังสือพิมพ์เลยไหมเนี่ย 55)ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกเรามาตีความกันสักหน่อยกับคำว่า "ประกาศ" แล้วทำไมต้องประกาศ

การประกาศคือการสื่อสารชนิดหนึ่งเพื่อให้ผู้รับข้อความรับรู้ถึงข้อความที่ผู้ประกาศต้องการสื่อออกมาซึ่งแน่นอนว่าทางด้านจิตวิทยาแล้วมนุษย์เราได้สรา้งกำแพงขึ้นมาในจิตใจที่จะสรา้งปฏิสัมพันธ์กับความรอบข้างทำให้กระบวนกาะนี้มักจะเป็นอุปสรรคในการที่จะก้าวต่อไปของผู้ที่อยากประสบความสำเร็จซึ่งมันเป็นกระบวนการหนึ่งที่สำคัญเลยทีเดียวในการที่จะก้าวสู่เป้าหมาย

กระบวนการนี้สำคัญอย่างไรมันไม่สำคัญว่าคุณจะประกาศอะไรออกไปแต่มันสำคัญว่าสิ่งคุณจะประกาศออกไปจะเป็นที่น่าจดจำฉะนั้นหัวใจของมันคือการสร้างความน่าจดจำให้กับรู้รับสารแน่นอนว่าการประกาศออกไปมันอาจไม่สามารถสร้างการจดจำได้จะต้องทำอย่างสม่ำเสมอเช่นกันแล้วแต่ปัญหาคือจะทำยังไงใม่ให้เป็นที่น่ารำคาญ(โอ๊ยทำไมมันวุ่นวายจังฟะเนี่ยจะประสบความสำเร็จทั้งที..เอาเถอะสุดท้ายรับรองได้ว่ามันหอมหวานแน่นอน)มันไม่ยากหรอกครับอย่างที่บอกไปว่าหัวใจมันคือการสร้างความน่าจดจำและขอเสริมอีกหน่อยว่าต้องในด้านบวกนะไม่ใช่สร้างความน่ารำคาญกระบวนการหนึ่งที่จะทำให้คนจดจำเราได้คือการสร้างปฏิสัมพันธ์กับสังคมทำไมละคุณคงสงสัยมันไม่ยากอย่างที่หรอกครับมันคือการคุยกันนั่นหละครับแต่ในการด้านนะไม่ใช่ว่าจะคุยแต่ขายของหรือเรื่องงานเพราะมันจะดูน่ารำคาญเกินไป


ทำไมต้องเป็นที่น่าจะจำผมขอยกตัวอย่างธุรกิจหนึ่งแล้วกันเพราะหลายคนฟังดูแล้วจะกลัวกันเหลือเกินนั่นคือธุรกิจประกันในมุมผู้รับสารเมื่อเรารู้ว่าเรากำลังถูกขายประกันเราจะสร้างเกราะขึ้นมาในใจทันทีเพื่อปกป้องตัวเราด้วยประสบการณ์ที่ไม่ดีจากคนขายประกันที่เราเคยเจอ
สำหรับผู้ขายเองในบางครั้งคุณอาจไม่รู้ตัวว่าคุณกำลังสื่อสารออกมามากเกินไปจนเกิดคำว่าน่ารำคาญแต่หากคุณวางกรอบให้อยู่ในความพอดีจนไม่ทำให้เกิดการเสียสายสัมพันธ์ระหว่างคุณกับผู้รับสารและที่สำคัญบางครั้งผู้รับสารนั้นอาจจะเป็นเพื่อคุณก็ได้ดังนั้นขอให้อยู่แค่ในกรอบไม่ประกาศมากเกินไปจนเกิดความรำคาญเพราะเท่านั้นก็เพียงพอแล้วผู้รับการได้รับรู้แล้วว่าคุณทำอะไรหลังจากนั้นเป็นการสร้างสำพันธ์อันดีต่อไปมีการปฎิสัมพันธ์กระเขาเสมอเพื่อให้ตัวคุณนั้นเปล่งประกายอยู่เสมอเพียงเท่านี้วันหนึ่งเมื่อผู้รับสารพร้อมเขาจะคิดถึงคุณเป็นคนแรก
ขอย้อนกลับไปสักหน่อยสำหรับผู้รับสารหรือคนที่ถูกขายประกันโดยส่วนใหญ่แล้วคุณเชื่อผมซิว้าส่วนใหญ่เขาก็อยากได้เพราะมนุษย์มีความอยากได้อยากมีอยู่ภายในจิตใต้สำนึกแต่ครั้งแรกที่คุณสื่อสารออกไปเขาอาจยังไม่พร้อมด้วยเหตุผลต่างๆนาๆแต่เชื่อผมซิเหตุผลเดียวที่เขาไม่กล้าพูดกับคุณคือ "กูยังไม่มีเงิน"

มิใช่เพียงแต่ในวงการประกันเท่านั้นทุกธุรกิจย่อมต้องมีกระบวนการพวกนี้ที่จะประสบความสำเร็จได้

"ทำตัวเองให้เปล่งประกายอยู่เสมอ"

ทฤษฎี VS ปฏฺิบัติ

ทฤษฎี  VS ปฏฺิบัติ

ทำโพสนี้เพื่อเตือนสติสำหรับเทรดใหม่ๆที่เข้ามาในตลาดเท่านั้นเนื่องจากมือใหม่หลายคนหรือผู้ที่กำลังศึกษาการเทรดใหม่ๆคงได้จะศึกษารูปแบบเทคนิคต่างๆที่ใช้ในการเทรดกันมามากแต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่กำลังมองข้ามไปอย่างสิ้นสิ้นเชิงซึ่งนั่นอาจเป็นความเสี่ยงหนึ่งที่อาจทำให้คุณเสียหายได้

ท่านอาจสงสัยว่าผมกำลังหมายถึงอะไร
ผมกำลังจะบอกว่าไม่มีใครที่รู้อนาคตหรือจะกำหนดการเคลื่อนที่ของราคาได้ดังภาพที่ผมยกมาประกอบจะเห็นได้ว่าราคากำลังก่อนตัวขึ้นทำเป็นรูปแบบต่างๆ "ตามจิตนาการ" นั่นหมายถึงว่าภาพดังกล่าวนี้มันเป็นจิตนาการของผมเท่านั้นทำไมผมจึงบอกว่าเป็นของผมนะเหรอเพราะผมเชื่อว่าหลายคนก็กำลังมองรูปแบบอื่นๆต่างๆนานากันไปตามจิตนาการของตนหรือจากทฤษฎีต่างๆที่ได้ศึกษามามิใช่แต่รูปแบบของกราฟที่นั้น Indicator ก็เช่นมันไม่สามารถบอกอนาคตหรือกำหนดการเคลื่นที่ของราคาได้แต่ในทางกลับกันแล้วราคาต่างหากที่เป็นตัวกำหนดไม่ว่าจะอินดี้หรือรูปแบบที่จะเกิดขึ้น H&S หรือ Triple top มันก็เป็นแค่จิตนาการของผมเท่านั้นซึ่ง "มันยังไม่เกิดและไม่รู้ว่าจะเกิดรูปแบบไหน" นั่นก็เพราะรูปแบบนั้นจะยังไม่ถูกเรียกตามรูปแบบจนกระทั่งมันเกิดไปแล้วตามเงื่อขของรูปแบบในโพสนี้ผมขออนุญาตข้ามไปแล้วกันครับสำหรับเงื่อนไขของรูปแบบแต่หากสนใจอยากศึกษารูปแบบก็ลองศึกษาดูแล้วกันนะครับ
https://infinite-growth-fx.blogspot.com/2012/07/blog-post_31.html



สรุปแล้วมันอันตรายยังไงคุณคงมีคำถามในใจอย่างที่ผมเกรินนั่นก็เพราะตอนนี้คุณกำลังยึดติดกับทฤษฎีมากเกินไปไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีการเกิดรูปแบบหรือการเล่นตามอินดี้ยกตัวอย่างง่ายๆว่าหลายครั้งที่คุณเข้าออเดอร์ตามอินดี้ตัวใดตัวหนึ่งขอยก MA มากล่าวแล้วกันครับมันมักจะส่งสัญญาณเข้ามาเมื่อราคาวิ่งไปแล้วเมื่อคุณเข้าตามก็มันจะสายเเกินไปหรือแม้แต่การเล่นกับรูปแบบของกราฟมันก็ไม่สามารถบอกสิ่งที่มันจะเกิดได้และเราจะรู้รูปแบบนั้นได้ก็ต่อเมื่อมันเกิดไปแล้ว

"ใช่ว่าทฤษฎีไม่ดีแต่ผมกำลังบอกว่าคุณจะต้องรู้จักการนำมาประยุกต์ใช้จริงในตลาดเท่านั้นมิใช่หลับหูหลับตาทำตามทฤษฎี"

วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559

อย่าคาดหวังผลลัพธ์ของการซื้อ-ขายครั้งต่อไปมากเกินไป





คนทั่วๆไปนั้นมักจะคาดหวังถึงผลลัพธ์ของการซื้อ-ขายครั้งต่อไป จากผลลัพธ์ในครั้งที่ผ่านๆมานั่นเอง นั่นหมายความว่า ถ้าคราวที่แล้ว หรือ สองสามครั้งที่แล้วพวกเขาขาดทุนล่ะก็ พวกเขาก็มักจะมองเห็นแต่ความเสี่ยง ในการลงทุนซื้อ-ขายครั้งต่อไปครับ แต่หากว่าครั้งที่ผ่านๆมา พวกเขามีกำไรล่ะก็ พวกเขาก็มักจะตกอยู่ในความรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับกำไรของพวกเขา และแทบจะไม่ได้มองเห็นถึงความเสี่ยงของพวกเขาเลย ซึ่งนั่นจะทำให้เขาอาจเริ่มขุดหลุมฝังตัวเองขึ้นมา จากการที่พวกเขานั้นจะเริ่มเสี่ยงมากไป หรือซื้อ-ขายมากเกินไป(Over trade) เพราะพวกเขาเริ่มเชื่อว่า การลงทุนซื้อ-ขายครั้งต่อไปของพวกเขาจะไม่ขาดทุนนั่นเองครับ





วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2559

Infinite Growth FX

- เราเทรดในบัญชีของท่านภายใต้ชื่อของท่านผ่านระบบของโบรคเกอร์

- เพียงท่านมีเงินในบัญชีเทรดขั้นต่ำ 1,500USD และไม่ขอรับโบนัส

สามารถรับบริการได้กับโบรคเกอร์ Fxprimus

- ทีมงานแบ่งผลกำไรเพียง 30% ไม่มีค่ารายเดือนหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ

- ไม่กำหนดระยะเวลาการลงทุนสามารถฝาก-ถอนได้ตลอดเวลา

- สามารถติดตามการเทรดจากบัญชีของท่านแบบ Real Time


Infinite Growth Support
Line Id : forexmaster
Call : 089-922-8504


 เปิดบัญชีเลย


ลิ้งสมัคร
http://www.fxprimus.com/open-an-account?r=1071345



ขั้นตอนการสมัคร(คลิ๊ก)


แบบฟอร์มสัญญาการสมัคร Copy Trade (คลิ๊ก)

ประกาศ!! Infinite Growth Fx ณ วันที่ 1 เมษายน 2017

เรื่องนโยบายการปรับลดความเสี่ยง

เนื่องจากผลกำไรเป็นที่น่าประทับใจมากสำหรับเราโดยเป้าหมายของเราอยู่ที่ 10% ต่อเดือนแต่ในปัจจุบันกำไรเฉลี่ยเราอยู่ที่ 18% ต่อเดือนซึ่งผู้จัดการกองทุนเราเล็งเห็นถึงความปลอดภัยของนักลงทุนเป็นหลักจึงมีแผนปรับลดความเสี่ยงลงซึ่งแน่นอนว่าอาจมีผลต่อกำไรที่จะลดลงบ้างแต่ไม่มากและกำไรอยู่ในจุดที่เกินกว่าความพึงพอใจของเรามากซึ่งกลยุทธ์การเทรดของเราสามารถสร้าง Growth หรือบนพื้นฐานของหลักการทวีค่าจึงไม่มีผลต่อกำไรมากนักแต่กับการที่ทำให้ความเสี่ยงลดลงมันคุ้มค่ากว่ากันมาก

ตามที่ประกาศไว้เมื่อช่วงสิ้นปีที่ผ่านมาในการปรับนโยบายเพื่อลดความเสี่ยงลงซึ่งจะมีผลต่อการฝากขั้นต่ำจากเดิม 1000$ เป็น 1500$ โดยผลของการปรับนี้จะส่งผลให้ % Draw down (DD%= การถือสถานะติดลบมากที่สุดโดยคิดเป็นเปอร์เซนของเงินในบัญชีทั้งหมด) ลดลงจากเดิม 25-30% จากผลงานเดิมที่ผ่านมา 8เดือนเราพบว่ามี DD% อยู่ที่ 30% ซึ่งผลจากการปรับนโยบายจะช่วยลดความเสี่ยงหรือ DD% เหลือเพียง 20%

โดยสัดส่วน Volume ที่ใช้เทรดเดิมคือ 0.01 ต่อทุน 1000$ แต่นโยบายใหม่ที่ใช้ปรับลดความเสี่ยงจะอยู่ที่ 0.01 ต่อทุน 1500$

ทั้งนี้ลูกค้าที่ฝากด้วยทุน 1000$ ก่อนวันที่ 9เมษายน2017 ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนท่านสามารถใช้กำไรที่เกิดขึ้นมาคำนวนเป็นทุนได้โดยส่วนนี้หรือหากท่านประสงค์เพิ่มทุนท่านสามารถติดต่อโดยตรงหาผู้ผู้จัดการกองทุนเพื่อคำนวน Volume การซื้อขายตามที่ท่านประสงค์

ขอขอบพระคุณนักลงทุนทุกท่านอย่างยิ่งที่ไว้วางใจเราเสมอมา