Infinite Growth FX

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556

จิตวิทยาไกลตัวจริงเหรอ

จิตวิทยาไกลตัวจริงเหรอ

หลายคนมองจิตวิทยาเป็นไกลตัวจริงหรือแล้วมันมีผลอะไรในชิวิตเราบ้าง
ทำไมคนจนถึงไม่รวยเสียทีหรือไม่ทำไมคนรวยก็รวยเอารวย เอาหลายคนบอกว่า
ก็ไม่ได้เกินมากองเงินกองทองเป็นได้เพียงลูกจ้างก็ดีถมเถแล้วไม่มีเงินลงทุนอย่างเขา
จะไปรวยได้ยังไง นั่นเพราะความคิดของคุณถูกสอนมาเสมอจากผู้ใหญ่ที่ต่างก็ปลูกฝักความคิด
การเป็นลูกจ้างให้คุณมาแต่เล็กยังไงนะเหรออย่างเช่น "ตั้งใจเรียน เรียนสูงๆนะลูก โตไปจะได้ทำงานดีๆ"
คุณเคยเจอบ้างไหมที่สอนว่าตั้งใจเรียนให้สูงๆโตมาจะได้เป็นนักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือส่วนหนึ่งแล้วที่เราถูกปลูกฝังมา
และสำหรับคนรวยๆที่คุณคิดว่าเค้าโตมากับกองเงินกองทอง นั่นก็จริงแต่ก็มีคนรวยไม่น้อยที่ไม่ได้โตมาบนกองเงินกองทองบางคนเป็นเด็กกำพร้า บางคนไม่มีจะกินเรียนไม่จบ ชีวิตแร้นแค้นตกระกำลำบากแต่ก็สร้างความยิ่งใหญ่ได้ด้วยตัวเขาเองมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญเค้าไม่ยอมแพ้ชีวิตไม่ได้นั่งรอวันถูกหวยแต่เค้ามีความคิดหนึ่งที่เค้าบอกตัวเองเสมอ "กูต้องยิ่งใหญ่ กูต้องสำเร็จ"

เขาหลายนี้บอกกับตัวเองเสมอทุกวันทุกเวลาและทำตามที่ใจต้องการภายใต้จิตที่ถูกกระทำซ้ำๆจนเกิดเป็นนิสัย พฤติกรรม การกระทำที่นำไปสู่ความสำเร็จ แต่หลายคนไม่กล้าที่จะก้าวเดินเพราะกลัวความล้มเหลวแต่เขาเหล่ากล้าที่จะออกมายอมรับมัน

แล้วทำไมคนจนกลับยิ่งจนลงๆ นั่นเพราะโปรแกรมที่เค้าเคยถูกปลูกฝังมาแต่เล็กว่าเมื่อมีงานดีๆทำก็ซื้อบ้านดีๆ รถดีๆและอื่นๆซึ่งแต่ละอย่างคุณลองมองดูให้ดีว่ามันคือหนี้สินล้วนทั้งสิ้น แล้วคนรวยละเค้าทำอะไร  แน่นอนว่าเขาไม่ได้สร้างหนี้แต่เป็นการนำเงินที่หาได้ไปลงทุนต่อจนมั่นคงจึงทำการซื้อของที่ต้องการเป็นการสร้างความมั่งคั่งให้ตัวเองเสียก่อนนั่นคือวิธีหนึ่งสำหรับผู้ที่ประสบความสำเร็จ

แล้วทำไมคนรวยจึงรวยเอารวยเอา เพราะเขารู้วิธีที่ประสบความสำเร็จแล้วยังไงละเมื่อเขาเหล่านั้นรู้วิธีที่จำทำเงินในล้านแรกได้เค้าก็รู้วิธีที่จะทำเงินในล้านที่ 2 3 4สำหรับคนที่ไม่เคยทำล้านแรกเลยจะรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ดูยากเหลือเกินแต่คนที่เคยทำเงินล้านแล้วเค้ารู้วิธีที่จะทำมันเมื่อเค้าทำได้ภายใต้จิตใจที่คิดว่ามันยากมันก็กลับดูช่างง่ายดายหลายคนคงบอกและแอบเถียงในใจแต่ผมจะยกตัวอย่างให้ฟัง ตอนที่คุณยังเล็กตอนที่ยังไม่เคยได้จับเงิน 1 พันคุณรู้สึกยังไงกับมันรู้สึกมันช่างยิ่งใหญ่คิดฝันไปต่างๆนาๆว่าเมื่อไหรกูได้จับเงินพันกูจะทำนู่นทำหนี้แต่เมื่อคุณโตขึ้นคุณได้จับเงินพันมากขึ้นมากขึ้นความรู้มันช่างเล็กน้อยเสียจริงคุณก็มองไปถึงเงินหมื่น ความคิดเดิมก็กลับมาคุณกำลังมองกับมันด้วยความหอมหวานหน้าเอามาลิ้มลองแต่เมื่อคุณได้จับมันมันก็เหมือนเดิมเมื่อคุณได้มันมาด้วยวิธีใดก็ตามแต่สิ่งสำคัญคุณรู้แล้วว่าจะเอามาอย่างไร แต่คนส่วนใหญ่มักจะหยุดเพียงเงินหมื่นเงินแสนไม่กล้ามองเงินล้าน สิบล้าน ร้อยล้านนั่นไม่ใช่เพราะมันทำยากแต่คุณกลัวไม่กล้าที่จะคิดมากกว่า แต่คนที่ประสบความสำเร็จไม่กลัวแต่เค้ากล้าที่จะลิ้มลองมันเขาจึงไม่หยุดที่เงินแสน

แต่มีเรื่องที่แปลกกว่านั้นคือคนส่วนใหญ่ไม่ว่าจะหาเงินมาได้เท่าไหรไม่ว่าจะพัน หมื่น แสนแต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่เคยพอใช้อยู่ตลอดเวลาหลายคนบอกว่าอยากรวยแล้วคุณเคยถามตัวเองบ้างไหมว่าเงินเท่าไหรกันที่คุณใส่ในคำจำกัดความของคำว่ารวยคุณลองมองย้อนตัวเองเมื่อตอนที่ไม่มีเงินกับเมื่อตอนที่คุณมีเงิน สิ่งที่คุณต้องการคือหามันเพิ่มเพียงอย่างเดียวนี่หละหนามนุษย์ไม่เคยรู้จักคำว่าพอ

บทความอื่นๆ

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Money management

ทำไม Money management ถึงสำคัญ เพราะเราต้องการที่จะทำกำไร เราต้องเรียนรู้การบริหารจัดการเงิน แต่คนส่วนมากได้มองข้ามมันไป

Trader หลายคน เทรดโดยที่ไม่มีหลักการ และดูแค่ว่าสามารถเสียได้เท่าไรในการเทรด 1 ครั้ง แล้วก็เทรดเลย อย่างนี้ค้าเรียกว่าการพนันไม่ใช่ การลงทุน

ถ้า คุณเทรดโดย ไม่ใช้ Money management นั้น มันก็เหมือนกับว่าคุณกำลังเล่นพนันอยู่ คุณไม่ได้มองการลงทุนระยะยาว คุณกำลัง รอ jackpot การบริหารเงินไม่เพียงช่วยเราป้องกันเงินทุน ยังสามารถทำมีกำไรในระยะยาวอีก แต่ถ้าคุณยังคิดว่าการเล่นแบบรอ jackpot เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เรามาดูตัวอย่างกัน

Casino หรือ เจ้ามือ คนเหล่านี้ เก่งเรื่อง สถิติ เค้ารู้ว่าระยะยาวแล้ว เจ้ามือจะเป็นคนได้เงิน ไม่ใช่นักพนัน ถึงจะมีคนถูกรางวัล Jackpot เป็นเงินก้อนโต แต่ก็จะมีนักพนันอีกมากกว่าร้อยที่ไม่ถูก Jackpot แล้วเงินเหล่านี้ ก็จะเป็นของเจ้ามือ

อันนี้เป้นตัวอย่างที่ทำให้เห็นวา สถิติ สามารถ สร้างกำไรได้เหนือกว่า การพนัน
ในทางสถิติ หรือ เจ้ามือ ในกรณีนี้รู้ว่าจะควบคุมความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น ได้อย่างไร ถ้าทำได้ คุณก็จะมีกำไร

ทีนี้คุณจะทำยังไงถึงจะเป็น นักสถิติที่ดีได้ ไม่ล้มเหลว

Money management นั้นสามารถทำกำไร ได้ในระยะยาว
ถ้า ไม่ใช้กฎของ Money management จะเกิดอะไรขึ้นเรามาดูตัวอย่าง

สม มุตรว่าคุณ มีเงินอยู่ $10000 และคุณเสียไป $5000 คุณเสียไปทั้งหมดกี่เปอร์เซนต์ คำตอบคือ 50 เปอร์เซนต์ แล้วคุณต้องทำกี่เปอร์เซนต์
เงิน $5000 ของคุณ ถึงจะกลับไปเท่าเดิมคือ $10000 คุณต้องทำถึง 100 เปอร์เซนต์ ไม่ใช่ 50 เปอร์เซนต์ เค้าเรียกว่า Drawdown จะเห็นว่ามันน่าหงุดหงิดมาก เพราะมันง่ายมากในการเสียไป แต่ได้กลับคืนมาเท่าเดิมนั้น ยากกว่า ซึ่งผู้อ่านคงไม่คิดที่จะเสีย เทรดเดียว 50 เปอร์เซนต์ ผมหวังว่าเป็นเช่นนั้น

อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณเทรดเสีย 3, 4 หรือ 10 เทรดติดกันล่ะ มันดูเหมือนจะเกิดได้ยากถ้าคุณคิดว่าคุณมี trade system ที่มีเปอร์เซนต์ชนะ 70 เปอร์เซนต์ ดังนั้นคุณไม่มีทางเสีย ติดต่อกันได้ถึง 10 ครั้ง ถ้าคุณคิดว่าคุณมี Trade system ที่ดี ในการเทรด Trade system ที่ทำ profitable ได้ 70 เปอร์เซนต์ ดูเหมือนเป็น system ที่ดีมาก แต่มันไม่ได้หมายความว่า ใน100 เทรดคุณจะชนะ 70เทรด
คุณจะรู้ได้อย่างไร ว่า 70 ใน 100 เทรดจะชนะ คุณไม่มีทางรู้ได้ คุณ อาจจะเสีย 30 เทรดแรก แล้วไปชนะ 70 เทรดที่เหลือ ซึงยังให้ผลที่ 70 เปอร์เซนต์ แต่คุณก็คงเสียหายหนัก

จากตัวอย่างจะทำให้รู้ว่า Money management นั้นสำคัญ ไม่ว่าคุณจะมี Trading System ดีสักเท่าไร แต่ก็ต้องมีที่คุณเสีย เหมือนผู้เล่น Poker มืออาชีพ ถึงเค้าจะเล่นเสียครั้งใหญ่ แต่สุดท้ายเค้าก็จะจบด้วยกำไร

ผู้เล่น Poker เก่งๆจะฝึกฝน Money management เพราะเค้ารุ้ว่าไม่สามารถชนะได้ทุกเกมส์ เค้าจะเล่นด้วยจำนวนเงินที่น้อย จากเงินทั้งหมดที่เค้ามี มันสามารถทำให้เค้ารอดพ้นจากการเสียครั้งใหญ่ได้ นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำในฐานะ trader เทรดใน เปอร์เซนต์ที่น้อยจากจำนวนเงินที่มีทั้งหมด เพื่อลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น
เมื่อคุณฝึกฝน และ เคร่งครัดกับ Money management คุณ จะเปลี่ยนจากนักพนัน กลายเป็นเจ้ามือ ที่จะทำกำไรได้ระยะยาว

และจากที่ได้กล่าวมานี้ Paxforex จึงเห็นถึงความสำคัญในเรื่องของMoney management แต่การที่จะชนะตลาดให้ได้สมบูรณ์แบบคุณจะต้องมีเงินทุนที่มากพอในการเทรดแน่นอนว่าหากคุณมีเงินทุนเพียงหยิบมือคุณอาจจะเสียได้ 5-10 ครั้งก็อาจหมดตัวก่อนที่จะได้กำไร Paxforex จึงยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุน

ด้วยความพิเศษของข้อเสนอที่เราหยิบยื่นให้นักลงทุนจะสามารถทำให้ประสิทธิภาพของ Money management ได้ถึงขีดสุด

บทความอื่นๆ

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556

คุณเคยถามตัวเองบ้างไหม

คุณเคยถามตัวเองบ้างไหมว่าเข้าสู่ถนนสายนี้เพราะอะไรสำหรับมือเก่ามือเก๋าคงไม่ต้องพูดถึงเพราะคงชัดเจนในการอยู่บนถนนสายนี้แล้วแต่สำหรับมือใหม่ยังต้องมองตัวเองให้มาก สิ่งที่มือใหม่ควรระวังนั่นคือความเข้าใจในการสร้างรายได้ของถนนเส้นนี้

หลายคนเข้ามาเพราะรักในความเสี่ยง หลายคนเพราะอยากลงทุนนี่เป็นสิ่งที่มือใหม่ต้องค้นหาตัวเองให้เจอ สำหรับคนที่ชอบในความเสี่ยงแต่ไม่เข้าใจเรื่องการบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งที่อันตรายมากสำหรับเม่าน้อยๆที่เพิ่งจะหัดบิน การใช้ความเสี่ยงไม่เป็นนั้นไม่ต่างจากการเล่นพนันกราฟมีอยู่เพียงสองทางที่มันจะไปคือขึ้นกับลงความน่าจะหากมองในเชิงความเสี่ยงและโอกาศมันควรจะแบ่งได้เป็นโอกาศขึ้น 50% และลง 50% ซึ่งบทสรุปของนักเล่นความเสี่ยงก็ควรจะเท่าทุนในกรณีว่าเล่นขึ้น 50 ไม้และลงอีก 50 ไม้ แต่หลายคนผลรวมคือล้างพอร์ตแล้วอะไรคือตัวแปร แล้วเราจะบริหารมันอย่างไร

-ตัวแปรที่ทำให้คุณล้างพอร์ตคืออะไรนะเหรอสิ่งแรกเลยคือส่วนต่างของราคาหรือ spread หรือ bid offer นั่นหละ

-ตัวแปรต่อมาคือความแตกต่างของไม้ที่ได้กำไรและขาดทุนหลายคนเก็บสั้นๆทำกำไรออเดอร์ละ 10-20จุด จุดซึ่งหากเวลาเสียคุณสั่งตัดขาดทุนที่ 10-20 จุดหรือระยะตัดขาดทุนเท่ากับระยะกำไรนั่นหมายความว่าควรจะเท่าทุนแต่สิ่งที่ทำให้คุณขาดทุนก็ยังเป็นค่าส่วนต่าง แต่ส่วนใหญ่ยังอาการหนักกว่านั้นคือทำกำไรไม้ละ 10-20จุด แต่เวลาเสียคุณเสียไม้ละ 100จุด
ยกตัวอย่างว่าระบบที่คุณเทรด win70 loss 30 ซึงในจำนวน 10 ไม้คุณเทรดได้ 7 ไม้และเสีย 3 ไม้แต่ในจำนวน 7 ไม้ที่ได้คุณทำกำไรไม้ละ 10 จุด แต่ไม้ที่คุณเสียคุณ cut loss ไม้ละ 50จุด เท่ากับว่า คุณได้ 70จุดแต่เสีย 150จุด

หลายคนบอกว่าจะไปยากอะไรก็ตั้ง cut loss ให้ต่ำกว่าระทำกำไรใช่ครับพูดถูกต้องเลย แต่คุณลองดูในความเป็นจิงที่คุณเทรดคุณเคย cut loss ตามระบบไหมคุณเคยทำตามระบบหรืออยู่ในวินัยไหมโดยเฉพาะมือใหม่เวลากำไรเพียงเล็กน้อยคุณก็รีบปิดทำกำไรเพียง 3-4 จุดแต่เวลาผิดทางคุณกลับรับการผิดทางได้เป็นสิบเป็นร้อยจุด

หลายคนมองว่าการเทรดหุ้นดูแล้วไม่น่าจะยากอะไรมีแค่ขึ้นกับลงแต่สิ่งสำคัญที่นักเทรดไม่เข้าใจคือเรื่องอารมณ์ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณนี่หละคือสิ่งที่ยากที่จะควบคุณและหลายคนไม่เคยควบคุมมันและฝึกใช้มัน