วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556
วลีแห่งเศรษฐี
จงรักษาเงินต้นไว้ให้ได้เสมอ
ความเสี่ยงเกิดจากความไม่รู้
เป็นวิศวะไปผ่าตัดคนไข้มันก็เสี่ยง
คนมักจะขายหุ้นเมื่อมีคนกลัวมากๆและจะซื้อเมื่อมีคนกล้ามากๆ
สร้างจังหวะการซื้อขายของตัวคนเรานิสัยต่างกันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะทำอะไรเหมือนคนอื่น
อย่าหาเหตุผลเพื่อปิดบังความผิดพลาดของตัวเอง
วิเคราะห์ข้อผิดของตัวเองและนำมาปรับปรุงแก้ไข
เสาะหาแนวทางการลงทุนเพื่อต่อยอดผลกำไร
บทความอื่นๆ
วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556
HH&LH VS HL&LL
เพื่อนๆหลายคนถามผมเข้ามาว่าผมเทรดสั้นหรือเทรดยาว
ผมคงหาคำตอบที่พอใจสำหรับคุณคนไม่ได้หรอกครับว่าผมเทรดในระยะไหนเพราะผมเองก็ก็ไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดในช่วงเวลาต่อๆไปและระยะความสั้นยาวของแต่ละคนก็ต่างกันบางคนบอกว่าถือข้ามวันก็บอกว่ายาวแล้วแต่หรับผมเองมันสั้นมากเลยครับเพราะฉะนั้นเราคงมากะเกณฑ์ระยะการเทรดของแต่ละคนไม่ได้หรอกครับแต่สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อหากจะประสบความสำเร็จอะไรก็ตามจงทำที่ตัวเองถนันเถอะครับไม่ว่าระยะไหนคุณจะสำเร็จแน่
แล้วอะไรที่ทำให้ผมต้องตัดสินใจเปิดออเอร์หรือปิดออเดอร์
หลักๆในการเทรดของผมคือ
- แนวโน้มของราคาในช่วงเวลานั้นๆ
- สัญญาณแท่งเทียน
- เส้นแนวรับแนวต้าน
- ความสัมพันธ์ระหว่างช่วงเวลา (Domino Effectที่เคยโพสไป)
วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556
ทองคำ 1 กิโลกรัมเท่าเดิมทำไมจึงซื้อขายได้ในราคาที่ต่างกันไป
ทองคำ 1 กิโลกรัมเท่าเดิมทำไมจึงซื้อขายได้ในราคาที่ต่างกันไป
สิ่งนี้คือสิ่งที่เรียกว่ามูลค่าท่านนักลงทุนจะสังเกตุได้ว่าจำนวนหรือปริมาณของตัวสินค้าเท่าเดิมแต่มูลค่าหรือราคามันเปลี่ยนแปลงไป และอะไรคือตัวแปลของเกมส์นี้ มันคือดีมานและซัพพายหรือความต้องการซื้อและขายในช่วงเวลาที่ต่างออกไปสำหรับมือใหม่คงยังงงแต่นี่คือสิ่งที่เป็นพื้นฐานที่จำเป็นต้องรู้เอาเป็นว่าผมจะยกตัวอย่างให้ง่ายๆ
สมมุติว่าคุณเช่าพระมาองค์หนึ่งจากวัดไหนสักแห่งราคาสัก 100 บาท และตอนที่คุณเช่ามาก็มีจำนวนที่ผลิตออกมาสัก 100 องค์ด้วยความที่วัดนี้อาจะไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรจึงทำให้ราคาไม่ได้สูงอะไร แต่เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งอาจจะ 1 วัน 1สัปดาห์ 1เดือน 1ปี 10ปี พระรูปที่สร้างพระองค์นี้เกิดมีชื่อเสียงขึ้นมาอาจจะทางใดทางหนึ่งอาจจะสร้างปาฏิหารอะไรบางอย่างซึ่งทำให้เกิดความสัทธาและเป็นที่รู้จัก แน่นอนว่าในช่วงเวลานั้นเองความต้องการที่จะเช่าพระนั้นมาบูชาก็เพิ่มมากขึ้นแต่ด้วยจำนวนของพระองค์นั้นมีอยู่อย่างจำกัดทำให้ราคาของพระนั้นเพิ่มสูงขึ้น จากร้อยเป็นพัน จากพันเป็นหมื่น จากหมื่นเป็นแสนซึ่งหลักการนั้นคือหลักการของ ความต้องการซื้อหรือดีมานนั่นเอง
ซึ่งในทองคำก็เช่นเดียวกันแต่ทองคำคงจะสร้างความสัทธาหรือสร้างอิทธิฤทธ์อะไรไม่ได้แต่สิ่งที่ทำให้มูลค่าของมันเพิ่มสูงขึ้นหรือดีมานมันเพิ่มขึ้นคือการนำทองคำมาใช้งานไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ การนำมาเป็นสื่อนำไฟฟ้า(ทองเป็นแร่ที่เป็นสื่อนำไฟฟ้าได้ดีที่สุด) และอื่นๆอีกมากมาย แต่ด้วยจำนวนที่จำกัดไม่เพียงพอกับความต้องการทำให้มูลค่าของมันเพิ่มมากขึ้น
ลองคิดเล่นๆดูนะครับว่าหากวันใดวันหนึ่งมนุษย์ค้นพบแร่ใหม่ที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับทองและมีปริมาณมากเพียงพอกับความต้องการจะเกิดอะไรขึ้นกับราคาทองนึงเอาขำๆหนะ
มาว่ากันต่อเลยที่นี้เมื่อทองเข้ามามีบทบาทในเศรษฐกิจมันต้องมีตัวเปรียบเทียบเช่น ทอง/ดอล ทอง/บาท ทำไมต้องมีตัวแปลละ จะพูดยังไงดีเอาเป็นว่าหาก ทอง/ทอง ก็ต้องเท่ากันถูกไหมคุณเอาทอง 1 กิโลไปแลกกับทองมันก็ต้องเท่ากับทอง 1กิโล
แต่เมื่อมีการแลกเปลี่ยนการเทียบราคาขึ้นก็ต้องมีกลุ่มนักลงทุนเข้ามาเล่นกับมันซึ่งการขึ้นลงก็ขึ้นกับความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามตัวแปลและกระแสเงินลงทุนของนักลงทุนเช่น ทอง/ดอล ก็จะมีเมื่อนักลงทุนคาดการณ์ว่าสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐดีขึ้นและมีแนวโน้มจะดีขึ้นไปอีกซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินของดอลแข็งขึ้นนักลงทุนก็เข้าไปซื้อเงินดอลเก็บไว้เพื่อที่จะขายเมื่อราคามันสูงขึ้นแล้วคนจะเอาเงินมาจากไหนละ
นักลงทุนที่จะลงทุนก็มีเงินจำกัดเช่นกันเมื่อนักลงทุนคิดว่าดอลจะแข็งเค้าก็ต้องขายสินทรัพย์อื่นเพื่อที่จะซื้อดอลล่าทองก็เป็นส่วนหนึ่งมื่อนักลงทุนสนใจดอลล่ามากกว่าทองคำเค้าจึงทำการขายทองคำและไปถือครองดอลล่าแทนทำให้ราคาทองร่วงและดอลก็แข็งขึ้นและเมื่อไรก็ตามที่สถานณ์การณ์พลิกกลับกันคือมีแนวโน้มว่าดอลล่าจะอ่อนนักลงทุนก็ขายดอลล่าและไปถือทองสินทรัพย์อื่นแทนซึ่งมันก็จะวนอยู่อย่างนี้ไปเรื่อง
นี่เป็นเพียงการยกตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงเท่านั้นมิได้อ้างอิงกับทฤษฏีมากมายเพื่อให้นักลงทุนใหม่ๆเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้นตัวแปลของราคามีมากการลงทุนมีความเสี่ยงต้องศึกษาให้ดี การเปลี่ยนแปลงในตลาดขึ้นกับความต้องการซื้อและต้องการขายของนักลงทุนทั่วโลกคุณไม่มีทางรู้ความคิดของคนเหล่านั้นได้ทั้งหมดเพราะต่างคนต่างเหนในสิ่งที่แตกต่าง แต่ทุกเหตุการณ์ของราคาที่เกิดขึ้นถูกเกิดรวบรวมเป็นตัวเลขทางทางสถิติและเก็บรวบรวมและนำมาศึกษาที่เรียกว่าพฤติกรรมของราคา จิตวิทยาการลงทุน และอื่นๆอีกมากมายที่แตกแขนงออกมาให้ใช้ได้ศึกษากันทุกวันนี้
สนใจสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันกรุณาแจ้งล่วงหน้าก่อนสองอาทิตย์นะครับรับรองว่าฟรีแต่เลี้ยงกาแฟผมด้วยนะ อิอิ
หลายคนถามเข้ามาว่าทำไมช่วงนี้ลงบทความน้อย ไม่มีอะไรหรอกครับเพียงแค่รู้สึกเบื่อกับชีวิตออนไลน์ที่มีแต่ใส่สีเติมแต่งเข้ามาหากัน ดีแต่จะโจมตีกันโดยใช้ประโยชน์จากการสร้างตัวตนจอมปลอมขึ้นมาซึ่งทำได้แสนง่ายดายในโลกออนไลน์แต่ตัวจิงเบื้องหลังก็มุดหัวอยู่ในรู
ก็ฝากเพื่อนนักลงทุนแล้วกันครับทุกวันนี้โลกมายาในออนไลน์มันเยอะแต่งแต้มยกตนขึ้นมาเพื่อหวังผลประโยชน์จากมือใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทั้งคอร์สการสอนที่ราคาเกินจิงทั้งที่มันไม่ได้มีอะไรเพราะทุกอย่างที่เค้าสอนมันหาอ่านฟรีได้จากกูเกิ้ลแต่ต้องมาเสียเงินหมื่นฟรีๆ หรือไม่ว่าจะการระดมทุนและให้ผลกำไรสูงๆและแมงเม่าก็บินเข้ากองไฟ ลองคิดเอาแบบโง่ๆดูนะว่าถ้าเค้าทำได้สูงจิงๆคุณก็ต้องเหนเค้าในบัญชีเศรษฐีของโลกแล้วทำไมผมจึงบอกเช่นนี้นะเหรอคุณลองคิดตามผมนะมีคนบอกว่าทำกำไรได้ 100% เท่ากับว่าเงินเค้าจะเยอะขึ้นเป็นเท่าตัวของทุกเดือนยกตัวอย่างว่าเค้ามีเงิน 10000บาท และเดือนต่อไปเค้าทำกำไรจาก 10000 เป็น 20000 และทำแบบนี้ไปเรื่อย ชมันเท่ากับว่า 1ปีเค้าจะมีเงินเท่ากับ 10000คูณ 2 12ครั้ง ผมไม่เฉลยว่าเท่าไหรคิดเอง หรือคุณไม่ต้องคิด แบบ 100% ก็ได้เอาเป็นแค่ทำกำไร 50% ทุกเดือนก็ได้ ลองคิดเอาดูครับวันนี้ฝากไว้เท่านี้ครับเป็นเม่าให้ตลาดก็พอแล้วอย่าเป็นเม่าที่เข้าไปหามิจฉาชีพให้มันเผาปีกเล่นก็แล้วกันจะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นกับประสบการณ์ของคุณต้องรู้จักเอาความผิดพลาดมาเป็นบทเรียน
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามบทความกันมานะครับ
สิ่งนี้คือสิ่งที่เรียกว่ามูลค่าท่านนักลงทุนจะสังเกตุได้ว่าจำนวนหรือปริมาณของตัวสินค้าเท่าเดิมแต่มูลค่าหรือราคามันเปลี่ยนแปลงไป และอะไรคือตัวแปลของเกมส์นี้ มันคือดีมานและซัพพายหรือความต้องการซื้อและขายในช่วงเวลาที่ต่างออกไปสำหรับมือใหม่คงยังงงแต่นี่คือสิ่งที่เป็นพื้นฐานที่จำเป็นต้องรู้เอาเป็นว่าผมจะยกตัวอย่างให้ง่ายๆ
สมมุติว่าคุณเช่าพระมาองค์หนึ่งจากวัดไหนสักแห่งราคาสัก 100 บาท และตอนที่คุณเช่ามาก็มีจำนวนที่ผลิตออกมาสัก 100 องค์ด้วยความที่วัดนี้อาจะไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรจึงทำให้ราคาไม่ได้สูงอะไร แต่เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งอาจจะ 1 วัน 1สัปดาห์ 1เดือน 1ปี 10ปี พระรูปที่สร้างพระองค์นี้เกิดมีชื่อเสียงขึ้นมาอาจจะทางใดทางหนึ่งอาจจะสร้างปาฏิหารอะไรบางอย่างซึ่งทำให้เกิดความสัทธาและเป็นที่รู้จัก แน่นอนว่าในช่วงเวลานั้นเองความต้องการที่จะเช่าพระนั้นมาบูชาก็เพิ่มมากขึ้นแต่ด้วยจำนวนของพระองค์นั้นมีอยู่อย่างจำกัดทำให้ราคาของพระนั้นเพิ่มสูงขึ้น จากร้อยเป็นพัน จากพันเป็นหมื่น จากหมื่นเป็นแสนซึ่งหลักการนั้นคือหลักการของ ความต้องการซื้อหรือดีมานนั่นเอง
ซึ่งในทองคำก็เช่นเดียวกันแต่ทองคำคงจะสร้างความสัทธาหรือสร้างอิทธิฤทธ์อะไรไม่ได้แต่สิ่งที่ทำให้มูลค่าของมันเพิ่มสูงขึ้นหรือดีมานมันเพิ่มขึ้นคือการนำทองคำมาใช้งานไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ การนำมาเป็นสื่อนำไฟฟ้า(ทองเป็นแร่ที่เป็นสื่อนำไฟฟ้าได้ดีที่สุด) และอื่นๆอีกมากมาย แต่ด้วยจำนวนที่จำกัดไม่เพียงพอกับความต้องการทำให้มูลค่าของมันเพิ่มมากขึ้น
ลองคิดเล่นๆดูนะครับว่าหากวันใดวันหนึ่งมนุษย์ค้นพบแร่ใหม่ที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับทองและมีปริมาณมากเพียงพอกับความต้องการจะเกิดอะไรขึ้นกับราคาทองนึงเอาขำๆหนะ
มาว่ากันต่อเลยที่นี้เมื่อทองเข้ามามีบทบาทในเศรษฐกิจมันต้องมีตัวเปรียบเทียบเช่น ทอง/ดอล ทอง/บาท ทำไมต้องมีตัวแปลละ จะพูดยังไงดีเอาเป็นว่าหาก ทอง/ทอง ก็ต้องเท่ากันถูกไหมคุณเอาทอง 1 กิโลไปแลกกับทองมันก็ต้องเท่ากับทอง 1กิโล
แต่เมื่อมีการแลกเปลี่ยนการเทียบราคาขึ้นก็ต้องมีกลุ่มนักลงทุนเข้ามาเล่นกับมันซึ่งการขึ้นลงก็ขึ้นกับความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามตัวแปลและกระแสเงินลงทุนของนักลงทุนเช่น ทอง/ดอล ก็จะมีเมื่อนักลงทุนคาดการณ์ว่าสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐดีขึ้นและมีแนวโน้มจะดีขึ้นไปอีกซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินของดอลแข็งขึ้นนักลงทุนก็เข้าไปซื้อเงินดอลเก็บไว้เพื่อที่จะขายเมื่อราคามันสูงขึ้นแล้วคนจะเอาเงินมาจากไหนละ
นักลงทุนที่จะลงทุนก็มีเงินจำกัดเช่นกันเมื่อนักลงทุนคิดว่าดอลจะแข็งเค้าก็ต้องขายสินทรัพย์อื่นเพื่อที่จะซื้อดอลล่าทองก็เป็นส่วนหนึ่งมื่อนักลงทุนสนใจดอลล่ามากกว่าทองคำเค้าจึงทำการขายทองคำและไปถือครองดอลล่าแทนทำให้ราคาทองร่วงและดอลก็แข็งขึ้นและเมื่อไรก็ตามที่สถานณ์การณ์พลิกกลับกันคือมีแนวโน้มว่าดอลล่าจะอ่อนนักลงทุนก็ขายดอลล่าและไปถือทองสินทรัพย์อื่นแทนซึ่งมันก็จะวนอยู่อย่างนี้ไปเรื่อง
นี่เป็นเพียงการยกตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงเท่านั้นมิได้อ้างอิงกับทฤษฏีมากมายเพื่อให้นักลงทุนใหม่ๆเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้นตัวแปลของราคามีมากการลงทุนมีความเสี่ยงต้องศึกษาให้ดี การเปลี่ยนแปลงในตลาดขึ้นกับความต้องการซื้อและต้องการขายของนักลงทุนทั่วโลกคุณไม่มีทางรู้ความคิดของคนเหล่านั้นได้ทั้งหมดเพราะต่างคนต่างเหนในสิ่งที่แตกต่าง แต่ทุกเหตุการณ์ของราคาที่เกิดขึ้นถูกเกิดรวบรวมเป็นตัวเลขทางทางสถิติและเก็บรวบรวมและนำมาศึกษาที่เรียกว่าพฤติกรรมของราคา จิตวิทยาการลงทุน และอื่นๆอีกมากมายที่แตกแขนงออกมาให้ใช้ได้ศึกษากันทุกวันนี้
สนใจสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันกรุณาแจ้งล่วงหน้าก่อนสองอาทิตย์นะครับรับรองว่าฟรีแต่เลี้ยงกาแฟผมด้วยนะ อิอิ
หลายคนถามเข้ามาว่าทำไมช่วงนี้ลงบทความน้อย ไม่มีอะไรหรอกครับเพียงแค่รู้สึกเบื่อกับชีวิตออนไลน์ที่มีแต่ใส่สีเติมแต่งเข้ามาหากัน ดีแต่จะโจมตีกันโดยใช้ประโยชน์จากการสร้างตัวตนจอมปลอมขึ้นมาซึ่งทำได้แสนง่ายดายในโลกออนไลน์แต่ตัวจิงเบื้องหลังก็มุดหัวอยู่ในรู
ก็ฝากเพื่อนนักลงทุนแล้วกันครับทุกวันนี้โลกมายาในออนไลน์มันเยอะแต่งแต้มยกตนขึ้นมาเพื่อหวังผลประโยชน์จากมือใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทั้งคอร์สการสอนที่ราคาเกินจิงทั้งที่มันไม่ได้มีอะไรเพราะทุกอย่างที่เค้าสอนมันหาอ่านฟรีได้จากกูเกิ้ลแต่ต้องมาเสียเงินหมื่นฟรีๆ หรือไม่ว่าจะการระดมทุนและให้ผลกำไรสูงๆและแมงเม่าก็บินเข้ากองไฟ ลองคิดเอาแบบโง่ๆดูนะว่าถ้าเค้าทำได้สูงจิงๆคุณก็ต้องเหนเค้าในบัญชีเศรษฐีของโลกแล้วทำไมผมจึงบอกเช่นนี้นะเหรอคุณลองคิดตามผมนะมีคนบอกว่าทำกำไรได้ 100% เท่ากับว่าเงินเค้าจะเยอะขึ้นเป็นเท่าตัวของทุกเดือนยกตัวอย่างว่าเค้ามีเงิน 10000บาท และเดือนต่อไปเค้าทำกำไรจาก 10000 เป็น 20000 และทำแบบนี้ไปเรื่อย ชมันเท่ากับว่า 1ปีเค้าจะมีเงินเท่ากับ 10000คูณ 2 12ครั้ง ผมไม่เฉลยว่าเท่าไหรคิดเอง หรือคุณไม่ต้องคิด แบบ 100% ก็ได้เอาเป็นแค่ทำกำไร 50% ทุกเดือนก็ได้ ลองคิดเอาดูครับวันนี้ฝากไว้เท่านี้ครับเป็นเม่าให้ตลาดก็พอแล้วอย่าเป็นเม่าที่เข้าไปหามิจฉาชีพให้มันเผาปีกเล่นก็แล้วกันจะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นกับประสบการณ์ของคุณต้องรู้จักเอาความผิดพลาดมาเป็นบทเรียน
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามบทความกันมานะครับ
วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556
Trade Options
How to Trade Options
ปัจจัยสำคัญในการเทรดอ๊อพชั่น (Options) ที่ถูกต้อง
1. วิธีการเทรด
การซื้อขายหลักทรัพย์ทองคำ(Gold) สกุลเงิน (Forex) หุ้น (Stock)ดัชนี (Indices) หรือ สินค้าโภคภัณฑ์(Commodities) สามารถทำได้โดยส่งคำสั่งซื้อขาย ผ่านทางอินเตอร์เนทโดยอาจจะทำผ่านหน้าเว็บโดยตรงหรืออาจต้องติดตั้งโปรแกรมลงคอมพิวเตอร์เสียก่อน ขึ้นกับบริษัทที่เป็นตัวแทนนั้นๆ ส่วนราคาของหลักทรัพย์จะอ้างอิงราคาจากตลาดหลักทรัพย์ทาง ยุโรป และ อเมริกา
2. จำนวนเงินลงทุน
การลงทุนซื้อขายทองคำ(Gold) หรือ สกุลเงิน(Forex) เริ่มต้นด้วยเงินที่หลัก ร้อย พัน หรือ หมื่นต้นๆก็สามารถทำกำไรได้แล้วแถมยังสามารถทำกำไรได้มากเกิน 100% ได้ในเวลาไม่กี่วัน ดูตัวอย่างผลการเทรดรายสัปดาห์จากเมนูข้างซ้ายหรือรายวันจากภาพด้านล่าง
3. เลือกเทรดที่ไหนดี
จากตัวอย่างเป็นบริษัทตัวแทนและ platform ที่ผู้เขียนเลือกที่จะลงทุนด้วย และคิดว่าดีที่สุดในทุกๆ เงื่อนไข เนื่องจากได้ผ่านการเทรดมาจากหลายๆที่แล้ว ดังนั้นจึงนำเสนอเฉพาะสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับ ตนเองและหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่ตัดสินใจลงทุนด้วยการเทรดทองคำ(Gold) หรือ ฟอเร็กส์(Forex) หรือ ออฟชั่น(Options)และเพื่อไม่ให้ผู้ที่สนใจตัดสินใจผิดพลาดในการเลือกเทรด
ข้อดีของการเลือกลงทุนหรือเทรดที่ถูกต้อง
กลายเป็นรายได้ประจำ
(ขอยืนยันด้วยผลงาน)
การเลือกลงทุน หรือเลือกเทรดไม่ถูกที่ และไม่ถูกหลักการจึงทำให้ไม่เกิดกำไรดังที่ต้องการ การเทรดหุ้น หรือหลักทรัพย์ใดๆ ก็ตามล้วนมีหลักการ และ ทฤษฎีที่ใช้ได้ผลจริง เพียงแต่จะมีสักกี่ท่านที่รู้จริงในเรื่องเหล่านี้
จากภาพตัวอย่างการทำเงินจากเมนูด้านบน และ ตัวอย่างด้านล่างดังต่อไปนี้ แสดงให้เห็นว่า "ถ้าไม่ใช้หลักการ หรือ เรียนรู้จากทฤษฎีเพียงอย่างเดียว คงไม่สามารถทำได้แบบนี้" เพราะฉะนั้นก่อนลงทุนควรเรียนรู้วิธีที่ถูกต้องจากผู้ที่ รู้จริงเสียก่อน การซื้อ/ ขายหลักทรัพย์ หรือการเทรดรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็น การเทรดทองคำ หรือ การเทรด Forex หรือ การเทรด ออฟชั่น (options) หากไม่มีทฤษฎีรองรับ หรือเทคนิคพิเศษแล้ว คงทำไม่ได้
Option เป็นสิทธิ (ไม่ใช่ข้อบังคับ) ในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ที่ระบุไว้
ตามจำนวน ราคา และภายในเวลาที่กำหนด
ทั้งนี้ผู้ซื้อ option จะต้องจ่าย option
premium ให้แก่ผู้ขาย option
·
สิทธิในการซื้อ
เรียกว่า call
option
·
สิทธิในการขาย
เรียกว่า put option
·
ผู้ถือสิทธิมีสถานภาพเป็นบวก (เลือกใช้สิทธิหรือไม่ก็ได้)
·
ผู้ขายสิทธิมีสถานภาพเป็นลบ (ต้องปฎิบัติตามที่ผู้ถือสิทธิต้องการ)
ใช้สิทธิเมื่อได้รับประโยชน์จาก option
ผู้ถือสิทธิ
ไม่ใช่สิทธิถ้าสถานการณ์ไม่อำนวย (สละสิทธิ) โดยยอมให้
option หมดอายุและขาดทุนเท่ากับ option
premium ที่จ่าย
ให้ผู้ขาย
Option มีทั้ง option ที่มีหุ้นรองรับ เงินตราต่างประเทศ อัตราดอกเบี้ย ฯลฯ
สิทธิจะซื้อจะขายหุ้น (Stock
Option)
สิทธิจะซื้อจะขายหุ้นสินทรัพย์ที่ระบุไว้ในสัญญา คือ หุ้นสามัญ
ปกติจะกำหนด 100 หุ้น พร้อมทั้งวันสิ้นสิทธิ และราคาใช้สิทธิ โดยมี clearing house ทำหน้าที่เป็นตัวกลางการจัดการซื้อขาย
เป็นคู่สัญญาของแต่ละฝ่าย
และมอบหมายภาระการปฏิบัติตาม
เงื่อนไขของ option
ตัวอย่าง call option ที่มีหุ้นรองรับ นายไพโรจน์ขายสิทธิในการซื้อ
(call option)
หุ้น SRC จำนวน 100
หุ้น (สินทรัพย์ที่ระบุไว้) ราคาหุ้นละ 186 บาท (ราคาใช้สิทธิ) ภายในเดือนเมษายน (วันสิ้นสิทธิ 30
เมษายน) ราคาตลาดหุ้นละ 175 บาท นายไวพจน์ต้องจ่าย option
premium ให้นายไพโรจน์หุ้นละ 4
บาท
นายไวพจน์จะใช้สิทธิหรือไม่ขึ้นอยู่กับราคาหุ้น SRC ในอนาคต
1. ถ้าวันที่ 3
เมษายน
ราคาตลาดหุ้น SRC หุ้นละ 210
บาท
และนายไวพจน์พอใจก็จะใช้สิทธิซื้อหุ้นจากนายไพโรจน์ 100
หุ้น
และนำหุ้นไปขายที่ตลาดซึ่งจะคำนวณกำไรได้ดังนี้
ขายหุ้น SRC
100 หุ้น @
210 บาท 21,000 บาท
ราคาทุน 100 หุ้น @ 186 บาท 18,600
option
premium 100 หุ้น @
4 บาท 400 19,000 บาท
กำไร
2,000 บาท
อัตรากำไร 2,000 =
500 %
400
2.
ถ้านายไวพจน์ซื้อ call option
ไว้แล้วราคาตลาดหุ้น
SRC ไม่สูงขึ้นเลย
จนกระทั่งวันที่ call option หมดอายุ (30 เมษายน) นายไวพจน์จะไม่ใช้สิทธิ และขาดทุนเท่ากับ option
premium 400 บาท
ตัวอย่าง put
option ที่มีหุ้นรองรับ นายไพโรจน์ขายสิทธิในการขาย (put
option)หุ้น SRC
จำนวน 100 หุ้น (สินทรัพย์ที่ระบุไว้) ราคาหุ้นละ 170
บาท (ราคาใช้สิทธิ) ภายในเดือนเมษายน (วันสิ้นสิทธิ 30 เมษายน) ราคาตลาดหุ้นละ 175
บาท นายไวพจน์ (ผู้ซื้อสิทธิ) ต้องจ่าย option premium
ให้นายไพโรจน์ หุ้นละ
4 บาท
นายไวพจน์จะใช้สิทธิหรือไม่ขึ้นอยู่กับราคาหุ้น SRC
1.
ถ้าวันที่
3 เมษายน ราคาตลาดหุ้น
SRC หุ้นละ 150 บาท นายไวพจน์
จะซื้อหุ้นจากตลาดและเรียกให้นายไพโรจน์มาซื้อหุ้นจากตนในราคาหุ้นละ 170 บาท
2.
ถ้านายไวพจน์ซื้อ put
option ไว้แล้วราคาหุ้น SRC
ไม่ต่ำลงเลยจน
กระทั่งวันที่ put
option หมดอายุ (30
เมษายน) นายไวพจน์จะไม่ใช้สิทธิ และขาดทุนเท่ากับ option
premium 400 บาท
สิทธิที่จะซื้อเงินตราต่างประเทศ
(Currency Option)
ตลาด Montreal Exchange (ME) ประเทศแคนาดาได้นำสัญญา option
เงินตราต่าง
ประเทศมาซื้อขายครั้งแรกปลายปี
1982 โดยเริ่มจากเงินดอลล่าร์แคนาดาก่อน เมื่อประสบ
ความสำเร็จก็ได้นำ
option เงินตราสกุลอื่นๆ เช่น เงินปอนด์
เงินมาร์ค ฯลฯ ออกมาซื้อขาย
การซื้อขาย option เงินตราต่างประเทศจะมีการชำระค่า
premium เช่นเดียวกับ
option ที่มี
หุ้นสามัญรองรับ ถ้ามูลค่าของเงินตราต่างประเทศสูงขึ้น ค่า premium ของ call option จะสูง
ขึ้นแต่ค่า premium ของ put option จะลดลง
สิทธิที่จะซื้อเงินตราต่างประเทศ
(currency call options) เป็นตราสารทางการเงินชนิดหนึ่ง ที่ผู้ซื้อ call option ได้สิทธิในการซื้อเงินตราต่างประเทศตามราคาและภายในเวลาที่กำหนดไว้
·
ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนทันทีสูงกว่าราคาใช้สิทธิ ผู้ถือ call option
จะใช้สิทธิ
เรียกซื้อเงินตราต่างประเทศจากผู้ขายสิทธิ และขายเงินตราต่างประเทศนั้นก็จะได้กำไร
·
ผู้ถือ
call
option จะใช้สิทธิซื้อเงินตราต่างประเทศหรือไม่ก็ได้ขึ้นกับ
ประโยชน์ที่จะได้รับ
ตัวอย่าง นายเฮนรี่ถือ call
option ในการซื้อเงินปอนด์ โดยมีราคาใช้สิทธิเท่ากับ $ 1.50 จ่าย premium $ 0.20
·
ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนลดลงเหลือ $1.25 นายเฮนรี่จะไม่ใช้สิทธิ
·
ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นเป็น $ 1.75 นายเฮนรี่จะใช้สิทธิเพราะมีกำไร
สิทธิที่จะขายเงินตราต่างประเทศ ( currency put options )
ผู้ซื้อ
put option
ได้
สิทธิในการขายเงินตราต่างประเทศตามราคาและภายในเวลาที่กำหนดไว้
·
ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนทันทีต่ำกว่าราคาใช้สิทธิผู้ถือ put
option จะซื้อเงิน
ตราต่างประเทศจากตลาดซื้อขายเงินตราต่างประเทศทันทีและเรียกให้ผู้ขาย
put
option มาซื้อเงินตราต่างประเทศจากตนทำให้ได้กำไร
·
ผู้ถือ
put option
จะใช้สิทธิขายเงินตราต่างประเทศหรือไม่ก็ได้ขึ้นอยู่กับ
ประโยชน์ที่จะได้รับ
ตัวอย่าง นายเฮนรี่ ถือ
put option ในการขายเงินปอนด์ในราคา $ 1.50
·
ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนลดลงเหลือ $ 1.25
นายเฮนรี่จะซื้อเงินปอนด์จาก
ตลาดซื้อขายเงินตราต่างประเทศทันทีและเรียกผู้ขาย put
option ให้มาซื้อในราคา
$1.50
·
ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นเป็น $1.75
นายเฮนรี่จะไม่ใช้สิทธิเพราะ
ไม่มีกำไร
ตลาดในการซื้อขาย option
จะผ่านบริษัทนายหน้า
สถาบันการเงิน และลูกค้าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการซื้อขาย
นายหน้าจะเรียกเงินมัดจำจากลูกค้าไว้ป้องกันลูกค้าที่ไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้
บทความอื่นๆ
บทความอื่นๆ
นักลงทุนทุกคนมีจุดอ่อน
นักลงทุนทุกคนมีจุดอ่อน
แต่น้อยคนนักจะรู้ว่ามันก็คือจุดแข็ง!
เป็นกันแทบทุกคนในโลกนะครับ เรามักจะเอาตัวเราเป็นจุดศูนย์กลางในโลกใบนี้ ใช้ตัวเองเป็นบรรทัดฐาน แล้วก็เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นว่า เราดีหรือแย่แค่ไหน เมื่อเทียบกับเขา
แถมตั้งแต่อดีตที่เป็นมา มนุษย์เราก็เลือกยกย่องคนที่มีจุดเด่น คนที่สามารถนำหน้าคนอื่นได้ในเรื่องที่ตัวเองถนัด ไม่ว่าจะเป็นผู้นำ นักกีฬา นักวิทยาศาสตร์ ฯลฯ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องดี อันนี้ไม่ได้จะว่ากันนะ คนดี คนเก่ง เราต้องยกย่องชมเชย ให้เขาได้มีที่ยืนที่สง่างามในสังคม เพื่อสร้างแรงบรรดาลใจ และชี้ทางเดินให้กับคนที่อยู่ข้างหลัง
นักฟุตบอลระดับโลกในยุคสมัยนี้ ก็ได้แรงบรรดาลใจมาจากอัฉริยะในโลกลูกหนังสมัยก่อน นักลงทุนที่พอร์ตโตวันโตคืนในวันนี้ ก็ได้ใช้คำแนะนำและได้รับอิทธิพลจากแนวคิดของนักลงทุนในรุ่นก่อนๆ เป็นแบบนี้ในแทบทุกวงการครับ แต่ต้องยอมรับว่า ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเดินตามรอยคนไม่กี่คนที่อยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์เหล่านั้นได้
คุณเคยน้อยเนื้อต่ำใจในความเป็นตัวคุณเองบ้างไหม?
ยอมรับมาซะดีๆว่าทุกคนล้วนมีบางสิ่งในตัวที่เรารู้สึกไม่พอใจ แต่บางครั้งก็ไม่รู้ว่าจะปรับมันยังไง สิ่งนั้นหล่ะครับ คือ “จุดอ่อน” ของคุณ
ทุกชีวิตมีข้อบกพร่องหมดนะครับ เพราะข้อบกพร่อง เป็นส่วนหนึ่งของความสมบูรณ์แบบของโลกเราอยู่แล้ว
??? งงไหม ???
ไอน์สไตน์ ในวัยเด็ก เขามีความพิการทางการอ่านเขียน (dyslexia) เป็นโรคขี้อาย ในวัยเด็กเขาต้องถูกเชิญออกจากโรงเรียนหลายครั้งเพราะความพิการในเรื่องนี้
เวลาเรียน เขาต้องพยายามนั่งเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้เป็นจุดเด่น ครูจะได้มองข้าม และไม่ถามคำถามเขา ที่ฮาคือ เขาเคยถูกตราหน้าจากคนที่รู้จักว่าเป็นคนปัญญาอ่อนที่ไม่มีทางจะทำอะไรสำเร็จได้
เวลาเรียน เขาต้องพยายามนั่งเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้เป็นจุดเด่น ครูจะได้มองข้าม และไม่ถามคำถามเขา ที่ฮาคือ เขาเคยถูกตราหน้าจากคนที่รู้จักว่าเป็นคนปัญญาอ่อนที่ไม่มีทางจะทำอะไรสำเร็จได้
แต่ด้วยความที่เขาเป็นเด็กเขียนช้า อ่านช้า กลับกลายเป็นทำให้เขามีเวลา..ครุ่นคิดลงไปในรายละเอียดถึงอวกาศและเวลามากกว่าคนทั่วไป ท้ายที่สุด อย่างที่ทุกคนทราบ เขาสามารถพัฒนาทฤษฎีต่างๆซึ่งเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนทั้งโลกให้เป็นแบบที่เราเป็นกันอยู่ทุกวันนี้
ปมด้อย หรือ จุดอ่อนของ ไอน์สไตน์ กลับกลายเป็นจุดแข็งในด้านอื่นสำหรับเขา เห็นรึยัง?!?!
ในแง่ของการลงทุน หลายคนที่ไม่ประสบความเร็จในการลงทุน สาเหตุอาจมาจาก นิสัยที่เป็นจุดอ่อนของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น เป็นคนคิดช้า แต่ดันมาเล่นเทรดเร็ว หรือเป็นคนทำอะไรใจร้อน ทำเร็ว แต่ดันไปถือหุ้น VI ซึ่งวิ่งอืดเป็นเรือเกลือ
ถ้าพิจารณากันดีๆแล้ว จุดอ่อนที่สร้างความเสียเปรียบให้คุณในการลงทุน มันอาจเป็นจุดแข็งในการเอาชนะ และอยู่รอดในตลาด หากคุณลองเปลี่ยนกลยุทธ์!
อย่าเอาแต่ตำหนิ หรือกล่าวโทษ ในสิ่งที่ผิด เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร เพราะสิ่งที่เราจะได้กลับไปก็คือ อารมณ์ขุ่นเคือง หงุดหงุด ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในระยะยาว ไม่ดีต่อสุขภาพจิต และสุขภาพกายนะเออ มีปัญหาก็แก้กันไป แก้ไม่ได้ก็ต้องยอมรับ อันนี้สำคัญนะ
เคยมีคนแซวนักวิเคราะห์ท่านหนึ่งซึ่งออกมาฟันธงแนวโน้มตลาดในรายการโทรทัศน์ทุกสัปดาห์ บอกว่า ไม่รู้เชิญมาออกรายการได้ยังไง ฟันแนวโน้มตลาดไปทางไหน มันวิ่งผิดทางทุกที ในวงสนทนาก็รุมกันว่าเขา บอกให้ไปเรียนมาใหม่บ้าง บอกให้ไปเปลี่ยอาชีพบ้าง ก็ว่ากันไปกัน สิ่งที่คนในวงสนทนาได้ไปจากเหตุการณ์นี้ก็แค่ความสนุกสนาน แต่สำหรับคนที่เฝ้าติดตามนักวิเคราะห์ท่านนี้ อาจจะเจ็บตัว หรือเข็ด ไม่อยากกลับมาลงทุนในหุ้นอีกเลย
จะเห็นว่า ทั้งวงสนทนา และคนที่เฝ้าติดตามนักวิเคราะห์ท่านนี้ใช้ประโยชน์อะไรจากข้อมูลที่รับมาไม่ได้เลย ก็เพราะเขามองเห็นว่ามันคือ “ข้อบกพร่อง” หรือ “จุดอ่อน”
แต่สมมติผมบอกให้คุณเปลี่ยนความคิดนะครับ…..
ถ้านักวิเคราะห์ท่านนี้ ฟันธงผิดทุกที เราก็ “สวนทาง” เขาซะสิ จะไปนั่งด่าเขาทำไม
นักลงทุนทุกคน มีเครื่องไม้เครื่องมือที่พร้อมจะประสบความสำเร็จในการลงทุนอยู่ข้างในอยู่แล้ว อย่าพยายามเทียบจุดที่คนอื่นเก่งกว่าเรา ต่างไปจากเรา แล้วพยายามทำตามเขาไปซะหมด อย่าไปมองแต่ข้อบกพร่องของคนอื่น แล้วไปตำหนิเขา
ในโลกของการลงทุน มันไม่มีหรอกครับ จุดอ่อนหรือจุดแข็ง มันมีแต่คุณจะใช้ประโยชน์จากจุดนั้นยังไงมากกว่า วิธีการใช้ประโยชน์ก็คือ เราต้องรู้จักปรับกลยุทธ์ ปรับแนวคิดในการลงทุนให้มันเข้ากับความเป็นตัวเรา หาตัวเองให้เจอ และยอมรับในสิ่งที่เราเป็น เพราะถึงคุณจะไม่ได้เงินออกไปจากตลาดหุ้นอย่างที่หวังในตอนแรก คุณก็ได้รู้จักสิ่งที่มีค่ามากกว่าเงินทองแล้ว นั้นก็คือ รู้จักตัวเอง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)